
ใคร ๆ ก็รักแมวเปอร์เซีย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่ากอดฟันและนิสัยขี้เล่นขี้อ้อนที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ด้วยเหตุ ความนิยมในแมวเปอร์เซียในหมู่คนรักแมวยังคงสูงอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าปัจจุบันจะมีแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เป็นตัวเลือกมากมายก็ตาม สำหรับใครที่สนใจอยากเลี้ยงแมวเปอร์เซียนั้น ข้อแรกคุณต้องมีพื้นที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงเสียก่อน เช่น บ้านมีบริเวณให้น้องแมวได้ยืดแข็งยืดขาบ้างไหม มีรั้วรอบขอบชิดพอที่จะป้องกันเขาให้ออกไปเดินเล่นนอกบ้านได้ไหม และข้อสองคุณเป็นคนรักแมวจริง ๆ หรือเปล่า ที่บ้านมีใครที่แพ้ขนแมวหรือมีเวลาเลี้ยงดูเอาใจใส่เขาเพียงพอหรือไม่ หากตอบคำถามสองข้อนี้ได้ก็มาดูวิธี การเลี้ยงแมวเปอร์เซีย กันเลย
แมวเปอร์เซีย มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดมาจากอาณาจักรเปอร์เซียซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของประเทศอิหร่านในปัจจุบัน แต่เดิมถูกเรียกว่า ‘แมวอิหร่าน’ ตามสถานที่กำเนิด แมวชนิดนี้มีจุดเด่นที่ความเป็นแมวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ทำให้ขนของมันหยาบดุจก้อนสบู่ที่ทำไว้สำหรับถูโลหะอันมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันตัวจากอันตรายจากสัตว์ร้ายและสภาพอากาศอันสุดโต่งของทะเลทราย ต่อมาแมวอิหร่านได้ถูกพ่อค้านำมาเลี้ยงในอิตาลีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรเปอร์เซีย
โดยในที่นี้เองที่แมวอิหร่านได้รับการผสมพันธุ์กับแมวท้องถิ่น จนกลายเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมและแพร่ขยายไปจนทั่วทั้งทวีปยุโรป ไม่เว้นแม้แต่ในราชสำนักอังกฤษซึ่งมีหลักฐานว่า พระราชินีวิกตอเรียทรงโปรดปรานแมวสายพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความสวยงามน่ารัก ก่อนที่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จึงมีการนำแมวสายพันธุ์นี้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปเลี้ยงยังทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งบนแผ่นดินอเมริกานี้เองที่แมวชนิดดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘แมวเปอร์เซีย’ เป็นครั้งแรก สำหรับประวัติของแมวเปอร์เซียในประเทศไทยนั้น แมวชนิดนี้เป็นแมวต่างประเทศสายพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย โดยไม่ปรากฏช่วงเวลาที่แน่ชัดว่าเมื่อใด แต่แมวเปอร์เซียก็กลายเป็นหนึ่งในแมวสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
ลักษณะทางกายภาพของแมวเปอร์เซีย
ลักษณะทางกายภาพของแมวเปอร์เซียตามปกติแล้วเป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ รูปร่างหน้าตาหัวกลม แก้มกลม และที่สำคัญคือมีดวงตากลมน่ารักที่ทำให้ทาสแมวหลายคนหลงใหล นอกจากนั้น แมวเปอร์เซียยังเป็นแมวที่มีขนยาวและหนาฟู ลักษณะของเส้นขนมีความมันวาว ทำให้เมื่อกระทบแสงไฟแล้วดูเป็นเงางามมากกว่าแมวหลายสายพันธุ์ และด้วยความงดงามของเส้นขนนี่เองที่ทำให้ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจดูแลเส้นขนของเขาให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการป้องกันมิให้เส้นขนของแมวพันกันด้วยการแปรงและหวีเป็นประจำทุกวัน สำหรับสีของแมวเปอร์เซียที่พบเห็นได้บ่อยนั้น ได้แก่ สีครีม สีดำ สีน้ำตาล สีขาว สีเงิน และสีแดง
ลักษณะนิสัยของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีนิสัยขี้ประจบ ชอบออดอ้อน เป็นมิตรกับผู้คนและเด็ก ๆ กิจกรรมประจำวันคือการเดินเล่นและนอนอยู่กับที่ แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นในการเล่นสนุกหรือปีนป่ายมากนัก เพราะฉะนั้น หากพบว่าน้องแมวไม่ค่อยแอคทีฟหรือเอาแต่นอนทั้งวันก็ไม่จำเป็นต้องตกใจ เพราะนั่นคือนิสัยของเขานั่นเอง
การเตรียมตัวก่อนการเลี้ยงแมวเปอร์เซีย
การเลี้ยงแมวเปอร์เซียนั้นก็ไม่แตกต่างจากการเลี้ยงแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เพียงแค่คุณต้องมีพื้นที่ให้เขาได้เล่นสนุก ให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอ และที่สำคัญต้องมีเวลาเล่นและเอาใจใส่ดูแลเขาอย่างสม่ำเสมอ สำหรับวิธีการเลี้ยงดูแมวเปอร์เซียอย่างถูกวิธีนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน คุณสามารถเตรียมตัวได้ดังนี้
อ่านเพิ่มเติม;
13 สายพันธุ์น้องแมวที่ทำตัวหยั่งกับน้องหมา!
1.การเตรียมที่อยู่อาศัยสำหรับแมวเปอร์เซีย
ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่าลักษณะบ้านที่คุณจะนำแมวเปอร์เซียมาเลี้ยงนั้นเหมาะแก่การเลี้ยงน้องแมวภายในหรือภายนอกบ้าน หากบ้านของคุณมีบริเวณที่ค่อนข้างกว้าง มีสนามหญ้าให้น้องแมววิ่งเล่นได้ มีรั้วรอบขอบชิดเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้น้องแมวออกไปเที่ยวนอกบ้านได้ก็การเลี้ยงไว้ภายนอกบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะว่าจะให้อิสระกับเขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ทำให้อึดอัดกับความคับแคบมากเกินไป
การเลี้ยงแมวภายนอกบ้านนั้น ผู้เลี้ยงอาจจะเลือกใช้กรงหรือโรงเรือนที่มีขนาดกว้างตามสัดส่วนของพื้นที่ที่มี โดยกรงสำหรับเลี้ยงแมวนั้นควรมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ฟุตสำหรับทำความสะอาด โดยมีด้านหนึ่งที่ปิดทึบเพื่อป้องกันอากาศที่หนาวจนเกินไป นอกนั้นควรล้อมด้วยลวดตาข่ายโปร่งที่เปิดให้ลมถ่ายเทได้สะดวก ภายในกรงควรประกอบด้วยชามเคลือบหรือพลาสติกสำหรับใส่น้ำและอาหาร กระบะทรายสำหรับเป็นส้วมของน้องแมว และกล่องกระดาษ ตะกร้าใส่ผ้าขี้ริ้วสำหรับเป็นบ้านให้เขาได้ซุกตัวนอนอย่างอบอุ่น เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการเลี้ยงแมวเปอร์เซียแล้ว
สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดต้องเลี้ยงแมวภายในบ้านนั้น เพียงแค่เตรียมตะกร้าที่ภายในปูด้วยเศษผ้าขี้ริ้ว และกระบะทรายสำหรับรองรับสิ่งปฏิกูลก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลี้ยงแมวเปอร์เซีย อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับอากาศภายในบ้านพอสมควร เพราะแมวส่วนใหญ่จะชอบอยู่ในที่ ๆ มีอุณหภูมิอุ่นสบาย แต่ก็ไม่อึดอัดหรืออุดอู้มากจนเกินไป เพราะฉะนั้น การวางตำแหน่งของตะกร้าไว้ในมุมของบ้านที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น นอกจากนั้น อย่าลืมเตรียมของเล่นหรือท่อนไม้ไว้ให้พวกเขาได้ข่วนลับเล็บด้วย มิฉะนั้น เฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของเครื่องใช้ของคุณอาจตกเป็นรอยได้เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ชอบลับเล็บเป็นอย่างมาก เตือนแล้วนะจ๊ะ
2.การเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงแมวเปอร์เซีย
การดูแลเรื่องอาหารการกินนั้นนับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการเลี้ยงแมวเปอร์เซีย แม้ว่าแมวสายพันธุ์นี้จะไม่ได้กินอาหารอะไรที่แปลกพิเศษไปกว่าแมวชนิดอื่น ๆ แต่การให้อาหารแมวในแต่ละช่วงวัยก็มีความแตกต่าง และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและความสวยงามของน้องแมวด้วยเช่นกัน ซึ่งเราอาจแบ่งการให้อาหารแมวเปอร์เซียออกเป็น 3 ช่วงวัย ดังนี้
ช่วงวัยเด็ก ลูกแมวเปอร์เซียที่อายุตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไปจนถึงหนึ่งเดือน สามารถกินอาหารเม็ดสำหรับลูกแมวได้ โดยผู้เลี้ยงอาจนำอาหารชนิดดังกล่าวแช่ในน้ำซุปหรือน้ำร้อนจากนั้นให้นำไปปั่นจนละเอียด แล้วใช้ไซริงก์ขนาดประมาณ 3 ซีซีป้อนให้ลูกแมว 2 – 3 ครั้ง/วัน ควบคู่ไปกับการกินน้ำนมของแม่แมว เพื่อสร้างนิสัยให้ลูกแมวสามารถกินอาหารเม็ดได้เมื่ออายุมากขึ้น
ช่วงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อแมวเปอร์เซียโตจนเป็นหนุ่มสาวแล้ว การให้อาหารในช่วงนี้ก็คือการให้แบบปกติ เช้า-เย็น วันละสองเวลา โดยผู้เลี้ยงอาจเลือกให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ขายทั่วไปตามท้องตลาดเพียงอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นอาหารที่กินได้นาน ไม่เสียง่าย หรืออาจคลุกข้าวกับปลาให้กินเป็นบางครั้งคราวก็ได้เช่นกันเพื่อป้องกันไม่ให้แมวเบื่ออาหารเม็ด อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงก็ต้องใส่ใจกับความสะอาดของอาหารพอสมควร เพราะอาหารที่บูดเสียก็อาจส่งผลต่อสุขภาพของแมวเช่นเดียวกับคน
ช่วงวัยชรา แมวเปอร์เซียที่ดำรงชีวิตมาอย่างยาวนานแล้วย่อมมีปัญหาในการกินอาหารไม่ต่างจากคน เพราะฉะนั้น อาหารสำหรับแมวแก่จึงควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่แข็งจนเกินไปเนื่องจากฟันของน้องแมวอาจทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว รวมทั้ง ควรให้อาหารในปริมาณที่น้อยลง เนื่องจากแมวแก่จะขยับเขยื้อนร่างกายไม่ค่อยไหวแล้ว จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกินกับนอน หากให้อาหารมากไป แมวเผาผลาญไม่หมดก็อาจทำให้แมวอ้วนมากไปและส่งผลต่อสุขภาพได้
3.การดูแลเส้นขนและสุขภาพของแมวเปอร์เซีย
การดูแลเส้นขนของแมวเปอร์เซีย :
เนื่องจากลักษณะเด่นประการหนึ่งของแมวเปอร์เซียคือ เส้นขนที่มีความเงางามเป็นอย่างมาก ดังนั้น การดูแลเส้นขนของน้องแมวให้สวยงามอยู่ตลอด นอกจากจะทำให้คุณมีแมวที่สวยงามแล้ว ยังช่วยให้พวกเขามีความสุขสบายอารมณ์อีกด้วย ซึ่งวิธีในการดูแลรักษาเส้นขนแมวเปอร์เซียให้เงางามตลอดเวลานั้นไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่คุณหมั่นแปรงเส้นขนของเขาอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละประมาณ 10 – 15 นาที โดยเฉพาะบริเวณคอ ขา และหาง ซึ่งการแปรงขนเป็นประจำนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นขนของน้องแมวพันกัน หรือติดกันเป็นกระจุกได้ซึ่งอาจนำไปสู่การหมักหมมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย และอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่พบในแมวได้
การดูแลสุขภาพของแมวเปอร์เซีย :
นอกจากสุขภาพของเส้นขนแล้ว สุขอนามัยของแมวเปอร์เซียก็เป็นอีกหนึ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการดูแลอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของน้องแมวให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ สำหรับแมวเปอร์เซียนั้นมักจะมีปัญหาที่พบได้บ่อยคือ โรคเกี่ยวกับท่อน้ำตาอุดตันอาจเกิดจากใบหน้าที่กลมใหญ่ทำให้มีคราบน้ำตาสะสมอยู่มากจนเกิดอาการอุดตัน ซึ่งผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องคอยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณรอบดวงตาของน้องแมวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นอกจากนั้น อย่าลืมพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับวัคซีนและตรวจสุขภาพแมวประจำปีด้วย ซึ่งการดูแลเอาใจใส่น้องแมวอย่างดีจะทำให้พวกเขามีความสุข และสามารถอยู่เป็นเพื่อนที่สุขแสนพิเศษของคุณไปนาน ๆ นั่นเอง
และนี่ก็คือ คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจอยากเลี้ยงแมวเปอร์เซีย หากใครที่มีความสนใจ แต่ยังไม่รู้วิธีเตรียมตัวที่เหมาะสมในการเลี้ยงน้องแมวพันธุ์ดังกล่าว บทความนี้เชื่อว่าจะช่วยตอบโจทย์ในสิ่งที่คุณอยากรู้ได้อย่างแน่นอนค่ะ
อ่านบทความสาระสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ;
หญิงหรือชาย? มาดู วิธีดูเพศกระต่าย มืออาชีพเขาดูกันยังไง?
คนรักหมาต้องรู้ วิธีอาบน้ำหมา อาบอย่างไรให้น้องมีสุขภาพขนและผิวหนังที่ดี
สุนัขสายพันธุ์ยอดนิยม ดูแลง่าย แถมยังทนความร้อนได้ดี !
ซามอยด์ (Samoyed) ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก