สำหรับคนรักแมวนั้น สุขภาพของเจ้าแมวเหมียวเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญสูงสุด เพราะเมื่อน้องแมวเจ็บป่วยขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่จะต้องพาไปรักษาพยาบาล ไหนจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเหมียวลูกรัก ไหนจะค่ารักษาพยาบาล ด้วยเหตุนี้ การหมั่นอัพเดตความรู้เกี่ยวกับโรคภัยที่เกี่ยวกับเจ้าแมวเหมียวจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว หรือ FIP ซึ่งเป็นภัยร้ายที่อาจคร่าชีวิตน้องแมวของคุณไปโดยไม่รู้ตัวได้ เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องรู้เท่าทันโรคร้ายดังกล่าว เพื่อให้สามารถป้องกันได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำให้คุณรู้จักโรค FIP ตลอดจนวิธีป้องกันอย่างครบถ้วน พร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย
โรค FIP คืออะไร
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว (Feline Infectious Peritonitis : FIP) เป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับแมวโดยมีพาหะนำโรคสำคัญ คือ ไวรัสโคโรน่า (Corona) ซึ่งมีความร้ายแรงมากพอสมควร เนื่องจากเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจอย่างโรคซาร์ส (SARs) และโรคเมอร์ส (MERs) ที่ระบาดอย่างหนักเมื่อหลายปีก่อน ที่สำคัญ ไวรัสโคโรน่าสามารถแพร่พันธุ์ได้ง่ายในทุกสภาพอากาศ และสามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากแมวตัวหนึ่งไปสู่อีกตัว ยิ่งหากอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว ก็นับว่าเสี่ยงอย่างมากที่แมวทั้งหมดจะติดไวรัสโคโรน่าได้เหมือนกันทุกตัว
สำหรับโรค FIP นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับแมวทุกเพศทุกวัน แต่มักพบว่าแมวอายุน้อยประมาณ 3 เดือน – 3 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรค FIP มากกว่าแมววัยผู้ใหญ่ เนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอมากกว่านั่นเอง นอกจากนั้น ยังพบว่าปัจจัยที่มีส่วนโน้มนำให้แมวที่ติดไวรัสล้มป่วยลงด้วยโรค FIP นั้นยังเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ อายุ ความเครียด การผ่าตัด การรับยาในกลุ่มต่าง ๆ เช่น สเตียรอยด์ และความแข็งแกร่งของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
อาการทั่วไปของโรค Feline Infectious Peritonitis : FIP
โรค FIP ที่เกิดขึ้นในแมวแต่ละตัวนั้นจะแสดงอาการแตกต่างกัน เนื่องจากแมวแต่ละตัวมีระดับภูมิคุ้มกันที่ไม่เหมือนกัน โดยอาการของโรคเยื่อบุช่องท่องอักเสบนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ แบบเปียก (Effusive) และแบบแห้ง (Non – effusive) ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
โรค Feline Infectious Peritonitis (FIP) แบบเปียก
อาการของแมวที่ป่วยด้วยโรค FIP แบบเปียกจะพบว่าท้องมีลักษณะขยายใหญ่ อันเป็นผลมาจากมีน้ำในช่องท้องและช่องอกจำนวนมาก มีความยากลำบากในการหายใจหรือกินอาหาร นอกจากนั้น ยังมีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นระยะ ตลอดจนมีอาการท้องเสีย อ่อนแรง และเซื่องซึมร่วมด้วยอย่างเห็นได้ชัด
โรค Feline Infectious Peritonitis (FIP)แบบแห้ง
แมวที่ป่วยด้วยโรค FIP แบบแห้งจะแสดงอาการที่เห็นได้ชัดคือภาวะโลหิตจาง ปัสสาวะเป็นน้ำใสปริมาณมาก เป็นดีซ่าน ตาแดง เป็นไข้เซื่องซึม และที่สำคัญอาจมีอาการทางประสาทร่วมด้วยอย่าง ชัก ตามองไม่เห็น ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ เนื่องจากไวรัสโคโรน่าทำให้การทำงานของสมองและระบบประสาทผิดปกติ
อ่านสาระแมวเกี่ยวกับอื่น ๆ เพิ่มเติม;
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก ทำยังไงดีเมื่อน้อง แมวมีกลิ่นปาก ผิดปกติ
การเลี้ยงแมวเปอร์เซีย ควรเตรียมตัวอย่างไรใน
13 สายพันธุ์น้องแมวที่ทำตัวหยั่งกับน้องหมา!
จะรู้ได้อย่างไรว่าแมวเป็นโรค FIP
การตรวจสอบและวินิจฉัยว่าแมวป่วยเป็นโรค FIP นั้นจำเป็นต้องใช้วิธีการตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากโรค FIP มีลักษณะของอาการที่ค่อนข้างแตกต่างจากโรคอื่น ๆ กล่าวคือมีการแสดงอาการที่ค่อนข้างจำเพาะสูงมาก สัตวแพทย์จำเป็นที่จะต้องเจาะเอาน้ำภายในร่างกายไปตรวจวินิจฉัยเพื่อยืนยันว่าแมวป่วยเป็นโรค FIP จริง โดยเฉพาะปริมาณโปรตีนกลุ่ม Immunoglobulin ในเม็ดเลือดที่สามารถบ่งบอกได้ว่าแมวกำลังป่วยด้วยโรค FIP อยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากแมวป่วยด้วยโรค FIP แบบแห้งนั้น การวินิจฉัยอาการจะทำได้ยากกว่าแบบเปียก เนื่องจากโรค FIP ประเภทนี้จะไม่ได้แสดงอาการให้ปรากฏเด่นชัด จึงจำเป็นที่จะต้องเจาะเลือดไปตรวจสอบเท่านั้น นอกจากแมวจะมีอาการทางสมองและระบบประสาทที่ปรากฏให้เห็นชัดเจน กรณีนี้สัตวแพทย์อาจพิจารณาเก็บตัวอย่างน้ำจากไขสันหลังเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ สำหรับแมวที่ไม่ได้แสดงอาการอย่างหนึ่งอย่างใดออกมาปรากฏให้เห็นเด่นชัดนั้น สัตวแพทย์อาจใช้วิธีตรวจวินิจฉัยหลายวิธีประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคนิคอัตราซาวด์ เทคนิค PCR เพื่อตรวจหาเชื้อ และภาวะความผิดปกติในการทำงานของตับ ไต สมอง และระบบทางเดินอาหาร ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่มีความท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีการรักษาโรค FIP
แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์จะเจริญรุดหน้าไปมาก แต่สัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกยังไม่สามารถคิดค้นยารักษาโรค FIP ได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะป้องกันโรคนี้ได้ คือ ต้องเตรียมตัว ทำการป้องกันก่อนที่จะมีการติดเชื้อเท่านั้น ส่วนการรักษาจึงเป็นไปเพื่อประคับประคองอาการของเจ้าเหมียวให้สามารถอยู่ได้นานที่สุด ตามปกติแล้ว เมื่อแมวได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรค FIP นั้นจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน เนื่องจากไวรัสโคโรน่าจะส่งผลให้การทำงานของระบบและกลไกต่าง ๆ ภายในร่างกายเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงานลง กระทั่งเข้าสู่ภาวะล้มเหลวในท้ายที่สุด ดังจะเห็นได้จากได้ช่วงแรกไวรัสดังกล่าวจะทำอันตรายต่อสมองและระบบประสาททำให้การสั่งการอวัยวะต่าง ๆ มีปัญหา รวมทั้งทำให้ระบบทางเดินอาหารล้มเหลว ไม่สามารถย่อยหรือขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ตามปกติ
การรักษาจึงเป็นไปตามอาการที่กำเริบขึ้นในขณะนั้น อาทิ การให้ยากันชัก ยาลดไข้ ยาบำรุงตับ ยาปฏิชีวนะ ตลอดจนยาในกลุ่มสเตียรอยด์เพื่อลดปริมาณน้ำในหลอดเลือดหรือช่องอกของแมว กล่าวได้ว่าการรักษาโรค FIP ในแมวนั้นเป็นการรักษาเพื่อยืดระยะเวลาในการมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่าการรักษาให้หายขาดจากโรค โดยปัจจัยที่จะส่งผลให้แมวสามารถอยู่ต่อไปได้นานเพียงไรนั้นขึ้นอยู่กับสุขภาพ สายพันธุ์ และประเภทของโรค FIP ที่เกิดขึ้นกับแมว รวมทั้งหากแมวได้รับการรักษาเร็วเท่าใดก็อาจจะสามารถต่ออายุให้น้องแมวอยู่กับคุณได้นานมากยิ่งขึ้น แม้ในท้ายที่สุดแล้ว ‘วันนั้น’ จะต้องมาถึงก็ตาม
การดูแลแมวระหว่างที่เป็นโรค FIP
หากผลวินิจฉัยพบว่าแมวของคุณป่วยเป็นโรค FIP และที่บ้านของคุณยังมีแมวอีกหลายตัวที่ยังไม่แสดงอาการว่าป่วยด้วยโรคเดียวกัน สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือการแยกแมวที่ป่วยออกจากแมวตัวอื่น ๆ เนื่องจากไวรัสโคโรน่าสามารถติดต่อกับแมวได้ผ่านน้ำลาย เพียงแค่แมวที่เป็นโรคเลียขนหรือกินน้ำในขันเดียวกันกับแมวตัวอื่นก็สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว เพราะฉะนั้น จึงต้องระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น ไวรัสโคโรน่ายังพบได้ในอุจจาระของแมวที่ป่วยเป็นโรค จึงจำเป็นที่จะต้องแยกกระบะทรายออกจากกัน และต้องมีการทำความสะอาดกรง ขันน้ำ และกระบะทรายของแมวที่ป่วยเป็นโรคอย่างพิถีพิถัน โดยต้องใส่ใจห้ามนำสิ่งของดังกล่าวมาใช้ร่วมกับแมวที่สุขภาพปกติเป็นอันขาด
ทั้งนี้ เมื่อแมวที่ป่วยเป็นโรค FIP ของคุณได้จากไปแล้ว ก็ให้คุณทิ้งข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแมวตัวดังกล่าวไปทันที เพราะอาจมีไวรัสโคโรน่าหลงเหลืออยู่ และอาจก่อให้เกิดอันตรายกับแมวตัวอื่น ๆ ได้เช่นกัน รวมทั้งต้องมีการทำความสะอาดกรงและพื้นที่ ๆ แมวเข้าไปคลุกคลีขนานใหญ่ ตลอดจนสืบให้ได้ว่าแมวตัวที่ติดเชื้อนั้นไปรับไวรัสโคโรน่ามาได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการไปสัมผัสกับของเสียหรือมีแมวจากข้างนอกบ้านนำเชื้อเข้ามาแพร่พันธุ์ ทั้งนี้ เพราะให้คุณสามารถป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้ามาทำร้ายแมวที่เหลือได้นั่นเอง
โรค FIP นั้นนับว่าเป็นโรคร้ายที่มีความรุนแรงต่อแมวเทียบเท่ากับโรคมะเร็งของมนุษย์เลยทีเดียว เนื่องจากสามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว และปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่สามารถช่วยให้รักษาได้อย่างหายขาด ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่แมวเป็นอย่างดีจึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการติดไวรัสดังกล่าวได้ดีที่สุด โดยเฉพาะแมวเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือน – 3 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรค FIP เนื่องจากภูมิต้านทานยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาดของที่อยู่อาศัย อาหารการกิน และจำกัดพื้นที่เลี้ยงดูไม่ให้แมวจากข้างนอกบ้านสามารถเข้ามาแพร่เชื้อหรือแมวของคุณสามารถออกไปติดไวรัสมาจากข้างนอกบ้านได้ เนื่องเพราะโรค FIP หากพลาดพลั้งติดขึ้นมาแล้วนั้น นอกจากจะยากแก่การตรวจวินิจฉัยแล้ว ยังทำได้เพียงแค่ประคองอาการไปกว่าเจ้าเหมียวน้อยจะหมดลมหายใจอีกด้วย
อ่านสาระสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติม;
รักษาอย่างไรดีเมื่อน้อง กระต่ายขนร่วง เรามีคำแนะนำมาฝาก
หญิงหรือชาย? มาดู วิธีดูเพศกระต่าย มืออาชีพเขาดูกันยังไง?
อลาสกัน มาลามิวท์ เจ้าหมาที่ละม้ายคล้ายกับไซบีเรียน ฮัสกี้ ราวกับฝาแฝด
สุนัขสายพันธุ์ยอดนิยม ดูแลง่าย แถมยังทนความร้อนได้ดี !
อะกิตะอินุ (Akita inu) สุนัขประจำชาติญี่ปุ่นที่แสนน่ารักขวัญใจทาสน้องหมาทั่วโลก