บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยลักษณะรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารัก ร่าเริง และเป็นมิตร ซึ่งคนเลี้ยงบีเกิ้ลอาจจะมีการพาสุนัขไปผสมพันธุ์เพื่อให้มีลูกสุนัขตัวเล็กๆ มาสืบทอดสายพันธุ์สุนัขแสนรัก แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า บีเกิ้ล ตั้งท้องกี่เดือน และเมื่อบีเกิ้ลตั้งท้องต้องดูแลอย่างไรบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบ
บีเกิ้ล ตั้งท้องกี่เดือน และสังเกตได้อย่างไรว่าบีเกิ้ลท้องแล้ว?
เมื่อบีเกิ้ลที่แสนร่าเริงเริ่มมีอาการเฉื่อยชาลง นอนมากขึ้น รวมทั้งดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เจ้าของหลายคนอาจสงสัยว่าบีเกิ้ลกำลังตั้งท้องหรือเปล่า ดังนั้น เราจึงจะมาดูกันว่าบีเกิ้ลท้องเราจะรู้ได้อย่างไร และบีเกิ้ลตั้งท้องกี่เดือนกันแน่ ตามรายละเอียดในบทความนี้
ตามธรรมชาติของบีเกิ้ลตัวเมีย จะเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ 6-9 เดือน และเมื่อผสมติดแล้วก็จะมีการปฏิสนธิตัวอ่อนและตั้งท้องอยู่ประมาณ 63 วัน หรือประมาณ 9 สัปดาห์ หรือราวๆ 2 เดือนนั่นเอง ดังนั้น หากเจ้าของพาบีเกิ้ลไปผสมพันธุ์ด้วยตนเองก็อาจจะสามารถประเมินวันคลอดได้อย่างแม่นยำ แต่หากเป็นการผสมพันธุ์โดยที่เจ้าของไม่ทราบ ก็อาจจะต้องมีการพาไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายและประเมินอายุครรภ์ว่าบีเกิ้ลตั้งท้องได้กี่เดือนแล้ว
อาการที่บ่งบอกว่าบีเกิ้ลตั้งท้องแล้ว
ก่อนจะรู้ว่าบีเกิ้ลตั้งท้องกี่เดือน เราควรรู้จักกับอาการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่สามารถสังเกตได้ว่าบีเกิ้ลตั้งท้องแล้วก็ดังต่อไปนี้
- เต้านมขยายตัว และหัวนมมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เตรียมความพร้อมสำหรับแม่สุนัขที่จะให้นมลูกหลังคลอด
- มีน้ำใสๆ ไหลออกจากช่องคลอด โดยเป็นอาการหนึ่งอย่างที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หน้าท้องขยาย ยิ่งถ้าเป็นสุนัขบีเกิ้ลที่ไม่ได้อ้วนมากนักก็จะยิ่งเห็นผนังหน้าท้องขยายตัวและตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้บีเกิ้ลบางตัวอาจไม่ยอมให้เจ้าของจับท้อง
- พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง อาจจะนอนทั้งวัน ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย
ทั้งหมดนี้ เป็นอาการแสดงที่ทำให้เจ้าของรู้ว่าสุนัขอาจจะตั้งท้อง แต่ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายและยืนยันว่าบีเกิ้ลตั้งท้องจริงจะดีที่สุด ซึ่งการหมั่นพาน้องตรวจร่างกายเสมอๆ ตามนัดยังทำให้รู้ว่าบีเกิ้ลตั้งท้องกี่เดือนหรือกี่สัปดาห์แล้วได้อีกด้วย
การพบบีเกิ้ลตั้งท้องไปตรวจร่างกาย สำคัญอย่างไร?
เมื่อสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของบีเกิ้ลและสงสัยว่าเริ่มตั้งท้อง หรือหากเป็นบีเกิ้ลที่เจ้าของพาไปผสมพันธุ์เองก็จะพอรู้ว่าบีเกิ้ลตั้งท้องแล้วหรือยัง ก็สามารถพาไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ซึ่งการพาบีเกิ้ลไปตรวจร่างกายและฝากท้องมีความสำคัญอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างดังต่อไปนี้
1.เพื่อยืนยันว่าบีเกิ้ลท้องจริง
เพราะหลายครั้งที่เจ้าของเห็นว่าบีเกิ้ลมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และหน้าท้องขยายจึงอาจเข้าใจว่าสุนัขท้อง แต่ความจริงแล้วอาจแค่อ้วนหรือเป็นโรคอย่างอื่น ดังนั้น การให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจยืนยันจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
2.เพื่อประเมินปัญหาสุขภาพของบีเกิ้ล
ว่าจะทำให้มีการคลอดยากหรือมีภาวะแทรกซ้อนในการคลอดอย่างไรหรือไม่ เพื่อที่จะได้เตรียมวางแผนในการคลอดเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของแม่บีเกิ้ลและลูกในท้องที่กำลังจะคลอดออกมา
วิธีดูแลบีเกิ้ลตั้งท้องในแต่ละสัปดาห์อย่างถูกต้อง
หลังจากที่รู้แน่นอนแล้วว่าบีเกิ้ลตั้งท้อง เจ้าของจะต้องทำการดูแลบีเกิ้ลเป็นอย่างดีเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งแม่และลูกบีเกิ้ลที่อยู่ในท้อง อีกทั้งยังมั่นใจได้ด้วยว่าจะได้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี โดยการดูแลบีเกิ้ลตั้งท้องสามารถทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
สัปดาห์ที่ 1 -2
เจ้าของที่รู้เวลาในการผสมพันธุ์ของบีเกิ้ล จะคาดการณ์ช่วงเวลาในการตั้งครรภ์ได้อย่างค่อนข้างแน่นอน ดังนั้น เมื่อรู้ว่าบีเกิ้ลเริ่มตั้งท้อง ในสัปดาห์แรกนี้อาจจะยังไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ดูแลไม่ให้บีเกิ้ลเกิดความเครียด เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะแท้ง ซึ่งบีเกิ้ลบางตัวอาจมีอาการซึมและกินอาหารน้อยลง ในช่วงนี้ยังไม่ต้องบังคับมากนัก แต่ให้จัดพื้นที่พักผ่อนให้บีเกิ้ลได้รู้สึกสงบและผ่อนคลายแทน
สัปดาห์ที่ 3
ในช่วงนี้บีเกิ้ลอาจเริ่มมีอาการแพ้ท้อง ที่อาจจะทำให้สุนัขรู้สึกหงุดหงิดและเครียด ดังนั้น ควรพาออกไปเดินเล่นเพื่อคลายเครียดและสุนัขอาจมีความอยากอาหารมากขึ้น ดังนั้น จึงควรจัดเตรียมอาหารที่มีโปรตีนสูงและสารอาหารที่เพียงพอเอาไว้ให้กินด้วย
สัปดาห์ที่ 4
เริ่มให้อาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงที่เหมาะสำหรับบีเกิ้ลท้อง โดยเน้นสารอาหารจำพวกโปรตีนและแคลเซียม ทั้งนี้ยังควรเพิ่มเนื้อไก่ต้ม, ตับไก่ และไข่ต้มเข้าไปอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถพาออกไปเดินเล่นออกกำลังกายในช่วงระยะทางสั้นๆ เพื่อรักษาระดับน้ำหนักไม่ให้ขึ้นเร็วเกินไป และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดให้กับสุนัขได้อีกด้วย
สัปดาห์ที่ 5-6
ช่วงเวลานี้ลูกสุนัขในท้องจะเริ่มโตขึ้น ทำให้ท้องของแม่บีเกิ้ลขยายใหญ่ อาจจะทำให้เดินอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก และอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ ซึ่งในการให้อาหารควรเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น โดยเน้นโปรตีนสูงและแคลเซียม และในช่วงนี้อาจพาเดินออกกำลังกายได้บ้าง แต่เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นบีเกิ้ลอาจจะรู้สึกเหนื่อยง่ายเมื่อต้องเดินมากๆ ดังนั้น จึงอาจพาเดินในช่วงเวลาสั้นๆ และระยะทางไม่ไกลนัก หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือกระโดด รวมถึงพาเล่นอะไรที่ต้องออกกำลังกายหนักหรือผาดโผน เพราะอาจเป็นอันตรายจนเสี่ยงแท้งได้
สัปดาห์ที่ 7
บีเกิ้ลจะเริ่มท้องโตมากขึ้น อาจจะเริ่มหาพื้นที่สงบๆ และมืดนอนเพื่อความสบายใจและปลอดภัย ดังนั้น เจ้าของจึงอาจควรเตรียมกล่องหรือพื้นที่สงบและควรหาผ้าคลุมให้มิดชิดเพื่อป้องกันแสง ทำให้บีเกิ้ลได้นอนพักผ่อนอย่างปลอดภัย และในช่วงนี้ขนหน้าท้องของแม่บีเกิ้ลอาจจะร่วงบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลใจไป และในช่วงเวลานี้การเคลื่อนไหวร่างกายอาจจลำบากมากขึ้น ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้บีเกิ้ลเดินออกกำลังกาย ถ้าน้องไม่ต้องการ
สัปดาห์ที่ 7
เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงเวลาคลอดมากขึ้น ดังนั้น จึงควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการ X-ray ดูว่าลูกในท้องมีกี่ตัว และมีขนาดตัวเล็กหรือใหญ่แค่ไหนเพื่อพิจารณาความยากง่ายในการคลอด และในช่วงนี้เจ้าของควรวัดอุณหภูมิของบีเกิ้ลอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินภาวะใกล้คลอด เนื่องจากก่อนคลอดประมาณ 24 ชั่วโมง อุณหภูมิร่างกายของบีเกิ้ลจะลดต่ำลงกว่าปกติ 1-2 องศา ดังนั้น ถ้าวัดอุณหภูมิบีเกิ้ลแล้วเริ่มลดต่ำลงกว่าเดิม ก็ให้เตรียมพร้อมสำหรับการคลอดได้เลย
สัปดาห์ที่ 8 และ 9
เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะคลอด คุณควรดูแลบีเกิ้ลอย่างใกล้ชิดพร้อมกับเตรียมอุปกรณ์และพื้นที่สำหรับการคลอดให้พร้อม รวมทั้งควรติดต่อกับแพทย์ประจำ เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้พาบีเกิ้ลไปโรงพยาบาลได้ทันที อีกทั้งในช่วงนี้ควรให้อาหารมื้อละน้อยๆ แต่ให้บ่อยๆ โดยเน้นสารอาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมเป็นหลัก ลดการออกกำลังกายและให้บีเกิ้ลได้พักมากเท่าที่ต้องการ หากที่บ้านเลี้ยงสุนัขหลายตัวอาจทำการแยกแม่บีเกิ้ลออกมาต่างหาก เพื่อลดสิ่งรบกวนที่อาจจะก่อให้เกิดความเครียด
ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของการตั้งท้อง บีเกิ้ลมีโอกาสที่จะคลอดได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เจ้าของควรเตรียมตัวให้พร้อมโดยการเตรียมอุปกรณ์และพื้นที่สำหรับคลอด รวมทั้งจัดให้มีคนคอยดูแลบีเกิ้ลอย่างใกล้ชิด เมื่อไหร่ก็ตามที่สุนัขเริ่มมีอาการกระวนกระวาย เริ่มร้องและมองหาที่มืดๆ เงียบๆ ที่เป็นส่วนตัว ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าบีเกิ้ลกำลังจะคลอดแล้วนั่นเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสุนัขจะสามารถคลอดได้เอง แต่หากเบ่งแล้วไม่มีลูกออกมา หน้าท้องแข็ง และแม่บีเกิ้ลเริ่มหมดแรงก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแม่สุนัขอาจคลอดเองไม่ได้ ดังนั้น จึงควรรีบพาไปพบแพทย์โดยทันที
เมื่อเราได้รู้ว่าบีเกิ้ล ตั้งท้องกี่เดือนหรือกี่สัปดาห์แล้ว จะทำให้เจ้าของหรือผู้ดูแลสามารถเตรียมความพร้อมในการคลอดได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องฉุกละหุกหรือวุ่นวายเมื่อบีเกิ้ลจะคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบีเกิ้ลท้องแรกที่เจ้าของอาจจะยังไม่เคยมีประสบการ์ในการดูแลมาก่อน การได้เรียนรู้เอาไว้ก่อนก็จะช่วยคลายความกังวลในส่วนนี้ลงไปได้นั่นเอง
อ่านสาระน้องหมา อื่น ๆ;