เมื่อพูดถึง สัตว์เล็ก ในการเลี้ยงสัตว์จะหมายถึงการเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดไม่เกิน 500 กิโลกรัม แต่หากจะหมายถึงสัตว์เล็กในด้านของการนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อนหรือเลี้ยงในบ้านแล้วละก็ จะมีอยู่ด้วยกันหลายประเภทซึ่งสัตว์เล็กดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันไม่น้อยในปัจจุบัน ในบทความนี้จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกันว่ามีสัตว์เล็กชนิดไหนที่น่านำมาเลี้ยงบ้าง
สัตว์เล็ก ที่น่าเลี้ยง เพิ่มความสุขและความเพลิดเพลินในยามว่าง
การเลี้ยงสัตว์ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความชื่นชอบจากผู้คน เพราะเป็นความสุขใจที่ได้เห็นความน่ารักหรือพัฒนาการของสัตว์ที่เลี้ยง อีกทั้งยังเป็นการฝึกความรับผิดชอบและเสริมสร้างจิตใจที่มีความอ่อนโยนเมตตาให้กับเด็กๆ ในบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันนี้ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่ไม่มีพื้นที่กว้างๆ สำหรับเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น สุนัขพันธุ์ใหญ่ ก็ยังมีทางเลือกในการเลี้ยงสัตว์เล็กที่ใช้พื้นที่ไม่มาก เหมาะกับการเลี้ยงในคอนโดหรือหอพักที่มีอยู่ด้วยกันหลายประเภทดังนี้
ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider)
เป็นสัตว์เล็กที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้ ซึ่งชูก้า ไกลเดอร์ เป็นสัตว์ขนาดเล็กที่มีน้ำหนักประมาณ 90-150 กรัม ขนาดลำตัวยาวประมาณ 12 นิ้วทีวัดจากปลายจมูกจนถึงปลายหาง มีขนที่นิ่มมาก หลายคนอาจจะเรียกชูก้า ไกลเดอร์ว่าเป็นกะรอกบิน หรือจิงโจ้บิน เพราะลักษณะภายนอกมีความคล้ายคลึงกับกระรอกอีกทั้งยังมีกระเป๋าหน้าท้องเหมือนกับจิงโจ้อีกด้วย และเนื่องจากธรรมชาติของชูก้า ไกลเดอร์ เป็นสัตว์หากินกลางคืน ดังนั้นในช่วงกลางวันจึงมักเห็นพวกเขานอนหลับพักผ่อนและจะตื่นขึ้นมาเล่นในช่วงกลางคืน นิสัยของ ชูก้า ไกลเดอร์จะค่อนข้างซุกซน ขี้เล่น ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม ตกใจง่าย ดังนั้นเลี้ยงควรทำความเข้าใจกับลักษณะนิสัยให้ดีก่อนตัดสินใจเลี้ยง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลี้ยง ชูก้า ไกลเดอร์
ก่อนที่จะนำ ชูก้า ไกลเดอร์ มาเลี้ยงผู้เลี้ยงควรมีการเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงทั้งที่อยู่อาศัยและอาหาร รวมถึงการดูแลอย่างถูกวิธีดังต่อไปนี้
1.เตรียมที่อยู่ของชูก้า ไกลเดอร์
สามารถใช้กล่องหรือกรงที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และควรเตรียมกิ่งไม้หรือพื้นที่สำหรับปีนป่ายเพื่อให้เขาได้ปีนขึ้นลงตามธรรมชาติ
2.เตรียมถุงนอนหรือกองผ้าที่ให้ความอบอุ่น
เพราะชูก้า ไกลเดอร์ ชอบนอนในพื้นที่ที่เป็นโพรงและมีความอบอุ่น ดังนั้นจึงควรเตรียมชุดถุงนอนหรือกองผ้าที่อวบอุ่นและสะอาดเพื่อให้เขาได้นอนด้วยความรู้สึกปลอดภัย
3.อาหาร
สามารถให้กินได้ทั้งผักและผลไม้ รวมถึงสัตว์ สามารถเตรียมผลไม้ที่มีรสหวานอย่างกล้วย,มะมม่วงสุก,แตงโม,มะละกอสุก และเนื้อสัตว์อย่างเช่น หนอนนก,จิ้งหรีด ,ตั๊กแตน เพื่อเป็นการเพิ่มโปรตีน ที่สำคัญคือควรเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอและหมั่นเปลี่ยนน้ำอยู่บ่อยๆ
4.การทำความสะอาด
ชูก้า ไกลเดอร์ สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ แต่หากผู้เลี้ยงอยากทำความสะอาดควรใช้วิธีใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นและน้ำสบู่เช็ดตัวทำความสะอาดมากกว่าการพาไปอาบน้ำ และควรหมั่นตัดเล็บเพราะเล็บของเขานั้นมีความแหลมคมอย่างมาก เมื่อจิกลงบนเนื้อจะทำให้เจ็บมากจึงต้องหมั่นตัดให้สั้นอยู่เสมอ
เม่นแคระ (Hedgehog)
เม่นแคระเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่ลำตัวปกคลุมด้วยขนหนามคล้ายเม่น ถือเป็นสัตว์เล็กเพราะเมื่อมีขนาดโตเต็มตัวจะมีขนาดพอๆกับหนูแกสบี้ มีน้ำหนักเฉลี่ย 500-600 กรัม แต่เม่นแคระตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่าคือประมาณ 250-400 กรัม ปัจจุบันนี้เม่นแคระเป็นสัตว์เล็กที่นิยมนำมาเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงเนื่องจากเลี้ยงไม่ยากนัก
โดยธรรมชาติแล้วเม่นแคระเป็นสัตวืที่หากินตอนกลางคืนดังนั้นในตอนกลางวันจึงมักเห็นเม่นแคระนอนแต่ในตอนกลางคืนจะออกมาวิ่งเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ อาหารที่กินตามธรรมชาติคือกินแมลงเป็นหลัก จึงควรให้อาหารที่มีโปรตีนเพื่อทดแทนอาหารตามธรรมชาติ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงเม่นแคระ
เม่นแคระเป็นสัตว์เล็กที่มีนิสัยขี้ระแวง ชอบขู่เมื่อเจอสิ่งที่คิดว่าเป็นภัยคุกคามหรือเป็นอันตราย ดังนั้นในการเลี้ยงจึงต้องเข้าใจธรรมชาติส่วนนี้ของเม่นแคระให้มาก ซึ่งการเลี้ยงเม่นแคระนั้นสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.ที่อยู่ของเม่นแคระ
เตรียมกรงที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร เพราะเม่นแคระจะต้องการพื้นที่สำหรับออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ และควรเตรียมพื้นที่สำหรับพรางตัวและหลบซ่อนตัวด้วย
2.อาหาร
สามารถให้เป็นหนอนนกสด,จิ้งหรีด หรืออาหารแมวก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้อาหารเสริมอย่างเช่น ไข่ต้ม,เนื้อไก่ต้มสุกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รวมถึงผักและผลไม้หั่นเป็นชิ้นเล็กที่สามารถให้กินได้สัปดาห์ละครั้ง
3.การทำความสะอาด
ผู้เลี้ยงสามารถทำความสะอาดเม่นแคระได้ โดยการนำแชมพูสำหรับอาบน้ำสัตว์เลี้ยงผสมลงไปในน้ำที่ใส่ไว้ในกาละมังเล็กๆ จากนั้นนำเม่นแคระลงไปอาบน้ำโดยใช้แปรงสีฟันนุ่มๆค่อยๆขัดตามตัว จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดตัวให้แห้ง สามารถอาบให้ได้ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่หากอากาศร้อนอบอ้าวก้อาจจะต้องอาบให้บ่อยขึ้นเพื่อให้เม่นแคระรู้สึกสบายตัวและอารมณ์ดี
หนูแกสบี้
เป็นสัตว์เล็กที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเช่นเดียวกัน ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าระหว่างหนูแกสบี้กับหนูแฮมสเตอร์มีความเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งในความจริงแล้วมีความแตกต่างอย่างมาก เพราะหนูแกสบี้สามารถนำมาเลี้ยงหรืออุ้มเล่นได้ไม่ต่างจากสุนัขหรือแมว ต่างจากหนูแฮมสเตอร์ที่อาจจะนำมาอุ้มเล่นได้บ้างแต่ส่วนใหญ่จะสนใจเล่นกับตัวเองมากกว่า ซึ่งหนูแกสบี้จะมีขนที่ยาวสลวยและหากเลี้ยงดีๆก็จะมีความเชื่องมาก สามารถพาออกไปเดินเล่นหรือเปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานที่ได้
หนูแกสบี้มีอยู่ด้วยกันหลายสายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์ขนสั้นและพันธุ์ขนยาว เป็นสัตว์เล็กที่มีอายุยืนพอสมควรคือ 5-7 ปี มีน้ำหนักตัวเมื่อโตเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 0.8-1.5 กิโลกรัม มีนิสัยอ่อนโยน สุภาพ ไม่ปีนป่ายและไม่กัดแทะสิ่งของ จึงเหมาะจะเลี้ยงเป็นเพื่อนสำหรับคนที่อยู่หอพักหรือคอนโดที่มีพื้นที่ไม่มาก และต้องการความสงบพอสมควร
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงหนูแกสบี้
หนูแกสบี้เป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารหลัก แต่ทั้งนี้ก้ต้องมีการให้อาหารโปรตีนเสริมบ้างเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน การเลี้ยงแกสบี้พันธุ์ขนยาวต้องหมั่นดูแลและทำความสะอาดเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ขนพันกัน ซึ่งวิธีการดูแลและเลี้ยงหนูแกสบี้สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.ที่อยู่ของหนูแกสบี้
ควรเตรียมเป็นกรงที่มีพื้นที่สะอาด อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ชื้น ซึ่งผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดกรงอยู่เสมอ เพราะเมื่อแกสบี้ฉี่ออกมาแล้วไม่ได้ทำความสะอาดจะมีกลิ่นเหมือนกับแอมโมเนีย โดยสามารถทำความสะอาดได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง
2.อาหาร
แกสบี้กินพืชเป็นอาหารหลัก ดังนั้นควรเตรียมหญ้าแห้งเอาไว้ให้กินในปริมาณที่เพียงพอ นอกจากนี้ก็ยังสามารถให้กินผักจำพวกผักกาดหอม,แตงกวา รวมทั้งต้องมีการให้โปรตีนเสริมรวมทั้งวิตามินซีเพราะแกสบี้ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินชนิดนี้ขึ้นมาได้เอง
3.การทำความสะอาด
ควรนำแกสบี้มาอาบน้ำประมาณ 2 สัปดาห์/ครั้ง ใช้แชมพูสำหรับอาบน้ำสัตวืที่มีความอ่อนโยนหรืออาจะจะใช้แชมพูสำหรับแกสบี้โดยเฉพาะก็ได้ โดยจะต้องเช็ดขนและเป่าให้แห้ง หากเป็นแกสบี้พันธุ์ขนยาวควรหมั่นแปรงขนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ขนจับตัวกันเป็นก้อน
สัตว์เล็กดังที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงกันมากซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีสัตว์อีกหลายประเภทที่น่าสนใจที่สามารถหามาเลี้ยงได้ตามใจชอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ประเภทใด จะเป็นแมว หมา หรือกระต่าย ก็ต้องมีการหาความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้น และให้การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ไม่เลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ เพราะสัตว์ก็มีชีวิตจิตใจที่ต้องการการดูแลและความใส่ใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน
อ่านสาระสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เพิ่มเติม