หลายคนอาจเคยเห็นอาการโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นกับสุนัขที่จะมีอาการขนร่วง คัน และผิวหนังเป็นสะเก็ดหนาๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งอาการดังกล่าวคือโรคขี้เรื้อน โดย หมาขี้เรื้อน นั้นอาจพบเจอได้ทั่วไปและแม้แต่สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็อาจมีโอกาสที่จะเป็นโรคเรื้อนได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงจะมาพูดถึงรายละเอียดของโรคนี้ให้รู้จักกันมากขึ้น
หมาขี้เรื้อน เกิดจากอะไร
โรคเรื้อนในสุนัขเป็นโรคที่เกิดจากสายพันธุ์ของมัยโคแบคทีเรียที่พบได้บ่อยในสุนัขสายพันธุ์ขนสั้นบางสายพันธุ์ เช่น พิทบูลเทอร์เรีย ,บ็อกเซอร์ และโดเบอร์แมน ซึ่งจะส่งผลให้ผิวหนังของสุนัขเกิดตุ่มนูนขึ้น บางครั้งอาจเป็นสีแดงหรือเป็นแผล รวมถึงทำให้เกิดภาวะขนร่วง ตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุดคือศีรษะและหู แต่อาจอยู่ที่ใดก็ได้ในร่างกาย
สาเหตุและการแพร่กระจายของโรคยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดในขณะนี้ แต่คาดว่ามัยโคแบคทีเรียในสิ่งแวดล้อม เช่น ที่พบในดินและ น้ำ จะเข้าสู่ผิวหนังของสุนัขโดยการกัดแมลงหรือวิธีการอื่นๆ ซึ่งสุนัขมีความเสี่ยงต่อแบคทีเรียสายพันธุ์นี้มากกว่ามนุษย์ ดังนั้นการติดเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายจึงทำให้เกิดอาการโรคเรื้อนที่ทำให้เกิดก้อนหรือแผลที่ผิวหนัง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เชื่อกันว่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเรื้อนจะแพร่กระจายผ่านการกัดของแมลง มากกว่าการสัมผัสของเหลวที่มีเชื้อดังกล่าวอยู่
ที่มาของการค้นพบโรคเรื้อนในสุนัข
ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของระบาดวิทยาในปี ค.ศ. 1973 ที่ Richard Smith สัตวแพทย์ชาวโรดีเซียนได้มีการบันทึกอาการของโรคผิวหนังที่พบในสุนัขหลังอาน ที่มีลักษณะเด่นของโรคคือมีก้อนใต้ผิวหนังซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายขนาด ในตอนแรกเขาคิดว่าสุนัขอาจจะเป็นวัณโรคและในตอนนั้นหากสุนัขมีอาการดังกล่าวจะต้องถูกทำการุณยฆาตและมีการชันสูตรศพ ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่าอวัยวะภายในไม่มีร่องรอยของวัณโรคแต่มีการพบเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากที่แผล ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 โรคนี้ก็ได้รับการยืนยันจากสัตวแพทย์ชาวออสเตรเลียที่ว่าโรคเรื้อนเป็นโรคที่มักพบได้บ่อยในสุนัขและไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด
อาการที่พบ
รอยแผลที่เกิดจากการติดเชื้อจะมีลักษณะเป็นก้อนใต้ผิวหนังทั้งก้อนเดี่ยวหรือหลายก้อน รอยโรคเหล่านี้สามารถปรากฏได้ทุกที่บนตัวสุนัข แต่ส่วนใหญ่มักพบบริเวณศีรษะและบนรอยพับหลังหู ก้อนเนื้อจะมีลักษณะแข็ง ไม่เจ็บ และมีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 มม. ถึง 5 ซม.
อาการของโรคเรื้อนที่พบส่วนใหญ่นั้นอาจพบได้ทั้งรูปแบบที่เป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ส่วนรอยโรคเรื้อนขนาดใหญ่จะมองเห็นได้ชัดจากภายนอกโดยจะมีอาการขนร่วงประกอบด้วย แผลที่เป็นสะเก็ดขนาดใหญ่เหล่านี้อาจทำให้สุนัขเสียโฉมและทำให้เกิดการระคายเคือง แต่รอยโรคจะไม่ลุกลามต่อไปยังต่อมน้ำเหลือง เส้นประสาท หรือระบบอวัยวะภายใน
โรคเรื้อนในสุนัขที่มีอาการไม่รุนแรงมักจะหายไปเอง มีบางกรณีที่สุนัขจะต้องรักษาด้วยยาต้านจุลชีพเพื่อกำจัดโรค การวินิจฉัยดรคอาจจะดูได้จากอาการแสดงภายนอกที่เห็นได้ชัดเจน เและอาจยืนยันได้โดยส่งเนื้อเยื่อส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ
การวินิจฉัยโรคเรื้อนในสุนัข
โรคเรื้อนในสุนัขและโรคเรื้อนของมนุษย์มีความคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในส่วนของการก่อตัวของก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง ซึ่งการวินิจฉัยโรคเรื้อนในสุนัขมักไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสุนัขที่มีอาการของรอยโรคเป็นสุนัขที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเรื้อน เช่น สายพันธุ์ขนสั้น โดยเฉพาะ Boxer, Boxer-cross, Staffordshire Terrier และ Doberman
รอยโรคหรือสะเก็ดผิวหนังที่หนาตัวขึ้นจะสังเกตได้ชัดบริเวณรอบศีรษะและหู สัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายสุนัขทำการวินิจฉัยโดยนำตัวอย่างไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้การย้อมสีแบบพิเศษเพื่อดูว่าสุนัขมีเชื้อ Staphylococcus intermedius ทุติยภูมิหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรอยโรคและหากสุนัขมีอาการคันและระคายเคืองก็จะทำการรักษาในลำดับต่อไป
การรักษาโรคเรื้อนในสุนัข
ในหลายกรณี โรคนี้สามารถหายเองได้ และรอยโรคจะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาโดยปกติจะใช้เวลาภายในหนึ่งถึงสามเดือน ซึ่งการที่โรคเรื้อนในสุนัขสามารถหายไปได้เองนี้สันนิษฐานว่าเกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่อาศัยเซลล์ แต่หลายครั้งการติดเชื้อจะเลวลงและนำไปสู่แผลเรื้อรังและทำให้เสียโฉม ซึ่งต้องใช้การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้ออย่างเช่น rifampicin, clarithromycin, clofazimine และ doxycycline แนะนำให้ใช้ rifampicin และ clarithromycin ร่วมกันในการรักษาหมาขี้เรื้อน
สัตวแพทย์หลายคนอาจขอทดสอบความไวในการตอบสนองต่อยาเพื่อเป็นแนวทางในการรักษาหมาขี้เรื้อนให้ดีขึ้น หากโรคเรื้อนนั้นไม่ตอบสนองต่อการรักษา เช่น แผลลึก ใช้ยาไปแล้วไม่หายซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องมีการปรับยาโดยเลือกใช้ clofazimine และปิโตรเลียมเจลลี่เพื่อใช้เป็นยาเฉพาะที่นอกเหนือจากการรักษาด้วยยา นอกจากนี้ก็อาจจะใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นทางเลือกเพิ่มเข้ามา
ในการรักษาโรคเรื้อนของสุนัขควรรักษาต่อเนื่องจนกว่าแผลจะหาย การติดเชื้อในระดับลึกควรได้รับการรักษาเป็นเวลา 7-21 วันหลังจากแผลหาย และการติดเชื้อที่ไม่ลึกมากจะรักษาได้ไม่เกิน 7 วันหลังจากที่แผลหายแล้ว แต่ทั้งนี้รอยโรคอาจหลงเหลืออยู่กับตัวของสุนัขอยู่บ้างบางส่วนในกรณีที่มีแผลลึกหรือเป็นมากซึ่งไม้องกังวลเพราะมันไม่สามารถติดต่อไปสู่คนหรือสัตว์อื่นๆได้อีกต่อไปแล้ว
การป้องกันโรคเรื้อนในสุนัข
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าการติดเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเรื้อนนั้นอาจมาจากการถูกแมลงที่มีเชื้อมัยโคแบคทีเรียกัดและเชื้อนั้นก็มีการแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายจึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคนี้ได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้จึงต้องดูแลสุนัขไม่ให้ไปสัมผัสกับแมลงที่มีเชื้อดังกล่าว โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสุนัขแบบปล่อยนอกบ้านที่อาจทำให้มีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดโรคเรื้อนได้ ดังนั้นจึงควรหมั่นอาบน้ำและเช็ดตัวสุนัขเพื่อทำความสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้มีแมลงติดอยู่ตามตัวหรือขน
นอกจากนี้ก็ยังมีการศึกษาว่าโรคเรื้อนในสุนัขมักเกิดได้มากในพื้นที่ที่มีความเย็นและชื้น ดังนั้นการป้องกันไม่ให้สุนัขเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวก็มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคเรื้อนได้อย่างมาก รวมทั้งทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งสังเกตอาการของรอยโรคที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะได้พาไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและให้การรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ การติดเชื้อจากสถานที่ที่พาสุนัขไปฝากเลี้ยง หรือไปอาบน้ำ ตัดขน ที่มีโอกาสจะได้รับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเรื้อนดังกล่าว ซึ่งหากจะพาสุนัขไปยังสถานที่ดังกล่าวควรตรวจสอบเรื่องการฆ่าเชื้อและความสะอาดของสถานที่ให้ดี เลือกสถานที่ที่สะอาด มีมาตรฐาน ไว้ใจได้เพื่อไม่ให้สุนัขได้รับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเรื้อนติดมาด้วย
โรคเรื้อนในสุนัขสามารถติดต่อมายังคนได้หรือไม่
หากผู้เลี้ยงมีการสัมผัสกับหมาขี้เรื้อนก็มีโอกาสที่จะติดโรคมาสู่ตัวเองได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคเรื้อน หากติดมาจากการสัมผัสก็จะมีอาการแสดงก็คือมีผื่นแดง คัน ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวก็ไม่ต้องตกใจเพราะสามารถหายเองได้เนื่องจากภูมิในร่างกายจะทำการกำจัดเชื้อแปลกปลอมดังกล่าว
หมาขี้เรื้อนเป็นอาการที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการของโรคผิวหนังที่ถ้าหากปล่อยไว้ไม่รักษาก็อาจจะทำให้เกิดการลุกลามที่รุนแรงจนผิวหนังอักเสบทั่วตัว ซึ่งหมาที่เลี้ยงในบ้านก็อาจมีโอกาสที่จะเป็นโรคเรื้อนได้ดังนั้นจึงควรหมั่นดูแลสุนัขที่เลี้ยงไว้เรื่องของความสะอาดและสุขอนามัยเพราะโรคเรื้อนนั้นสามารถติดมายังผู้เลี้ยงได้
อ่านเรื่องราวสาระสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เพิ่มเติม;