ปัจจุบันนี้สำหรับคนที่รักน้องหมาเชื่อว่า อาหารบาร์ฟ เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณภาพและประโยชน์ที่สูงมากต่อน้องหมา ทว่าหลายคนยังมีความเข้าใจและความเชื่อแบบผิด ๆ เกี่ยวกับการให้อาหารบาร์ฟกับน้องหมา ส่งผลให้น้องหมามีสุขภาพไม่ดีและเกิดการเจ็บป่วยขึ้นหลังจากกินอาหารบาร์ฟ ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าการให้อาหารบาร์ฟมีข้อควรระวังในการใช้อย่างไร
อาหารบาร์ฟ คืออะไร
อาหารบาร์ฟ (BARF ย่อมาจากคำว่า “Bones and Raw Food”) คือ อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ อวัยวะภายใน กระดูกเป็นชิ้น ไข่ นม ผักและผลไม้ ซึ่งส่วนประกอบที่นำมาผลิตนี้จะเป็นของสดใหม่ที่ไม่ผ่านการปรุงด้วยความร้อน ถือเป็นอาหารที่ออกแบบมาคล้ายกับอาหารตามธรรมชาติที่สุนัขป่ากิน อาหารชนิดนี้จะทำให้น้องหมามีร่างกายที่แข็งแรงและอายุยืน
ข้อควรระวังในการกินอาหารบาร์ฟ
ถึงแม้ว่าอาหารบาร์ฟจะมีข้อดีหลายประการเมื่อนำมาให้น้องหมากิน ทว่าหากเราให้อาหารอย่างผิดวิธีแล้ว โอกาสที่อาหารชนิดนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบหรือโรคภัยกับน้องหมาย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นในการให้อาหารบาร์ฟมีข้อควรระวังดังนี้
1.ปรับเปลี่ยนที่ละน้อย
การให้อาหารบาร์ฟกับน้องหมาสามารถให้ได้ตั้งแต่น้องหมาหย่านมแม่แล้ว แต่น้องหมาโตที่เคยกินอาหารเม็ดและต้องการเปลี่ยนมาเป็นบาร์ฟ สามารถทำได้ แต่ในการเปลี่ยนอาหารควรปรับลดปริมาณอาหารเม็ดให้น้อยลงและค่อย ๆ ให้บาร์ฟเพิ่มขึ้นที่ละน้อย โดยการเพิ่มมื้ออาหารบาร์ฟต้องแยกมื้อกับอาหารเม็ด เนื่องจากการย่อยอาหารเม็ดและบาร์ฟนั้นต่างกัน หากผสมรวมกันในมื้อเดียว จะทำให้กระเพาะอาหารของน้องหมาทำงานหนัก อาจทำให้น้องหมาเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ อย่าเปลี่ยนจากอาหารเม็ดเป็นบาร์ฟทั้งหมดทันที เพราะจะทำให้น้องหมาไม่ยอมกินอาหารหรือถึงแม้กินเข้าไปก็จะทำให้กระเพาะต้องปรับสภาพอย่างหนัก เพราะอาหารที่กินเข้าไปเหมือนเดิม ส่งผลให้ระบบย่อยและระบบทางเดินอาหารเกิดผิดปกติ ทำให้น้องหมาไม่สบายท้องได้
2.เนื้อสัตว์คุณภาพดี
เนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นอาหารบาร์ฟจะต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ มีปริมาณของไขมันน้อย เนื้อแดงมากกว่า เพื่อให้น้องหมาได้รับโปรตีนมากกว่าไขมัน และเนื้อสัตว์ต้องเป็นเนื้อสะอาด สดใหม่ ไม่เขียว ดำหรือมีกลิ่นเหม็นเน่า หากเป็นเนื้อที่มาจากฟาร์มที่เลี้ยงแบบธรรมชาติไม่มีการใช้สารเร่งในการเลี้ยงได้จะยิ่งดี เนื้อสัตว์ที่นิยใช้ในการทำบาร์ฟ คือ เนื้อวัว เนื้อไก่(โครงไก่) เนื้อจระเข้ เนื้อกระต่ายติดกระดูก แต่ไม่ควรใช้เนื้อหมูหรือโครงเป็ด เพราะเนื้อหมูมีพยาธิไม่เหมาะกับการกินดิบ และกระดูกเป็ดมีขนาดเล็กแหลมลมเป็นอันตรายต่อน้องหมา เนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นบาร์ฟสามารถแช่แข็งเก็บไว้ได้หลายวัน โดยในการเก็บให้แบ่งเนื้อสัตว์ออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนมีปริมาณพอดีกับการกิน 1 มื้อของน้องหมา และก่อนถึงเวลาอาหารให้นำเนื้อออกมาวางละลายน้ำแข็งให้นิ่มก่อนอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง และหากได้เนื้อติดกระดูกจะยิ่งดี เพราะการแทะเนื้อติดกระดูกจะช่วยให้น้องหมาได้ออกกำลังกล้ามเนื้อ ช่วยทำความสะอาดฟัน
3.ธัญพืชไม่มีสารตกค้าง
บาร์ฟนอกจากจะมีเนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว ธัญพืชหรือผักผลไม้ก็มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารและสุขภาพของน้องหมาเช่นกัน ธัญพืชและผักผลไม้ที่นำมาให้น้องหมากินได้ เช่น ผักโขม ,ผักกาดหอม, แครอท, บล็อคโคลี่ ,ผลไม้สดทุกชนิด, ข้าวกล้อง,ข้าวโอ๊ต , ข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น แต่ไม่ควรให้ใส่ผักตระกูลหอม เช่น หัวหอม ต้นหอม เป็นต้น ธัญพืชและผักผลไม้ที่นำมาควรเป็นธัญพืชแบบปลอดสารพิษ หากซื้อมาจากตลาดทั่วไปก่อนนำมาให้น้องหมากินจะต้องล้างด้วยด่างทับทิมเพื่อขจัดสารพิษตกค้างออกให้หมด และในการให้อาหารบาร์ฟกับน้องหมาควรแยกให้กับเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเกิดอาการท้องอืด
4.ปริมาณต้องเหมาะสม
น้องหมาแต่ละสายพันธุ์ แต่ละวัย แต่ละเพศจะมีความต้องการอาหารในปริมาณที่ต่างกัน ดังนั้นเจ้าของจะต้งศึกษาถึงปริมาณของบาร์ฟที่เหมาะสม โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารบาร์ฟหรือสัตวแพทย์ก็ได้ เพราะอะไรที่มากหรือน้อยเกินไปย่อสร้างผลเสียให้กับน้องหมาได้ทั้งสิ้น
5.เหลือต้องทิ้ง
ในช่วงแรกที่ให้อาหารบาร์ฟกับน้องหมา เจ้าของอาจจะยังกะปริมาณอาหารที่น้องหมาสามารถกินได้ อาจจะให้อาหารมากเกินไป ทำให้อาหารเหลือ ซึ่งบาร์ฟที่เหลือนี้ห้ามเก็บไว้และนำมาให้น้องหมากินใหม่ เพราะบาร์ฟเป็นของสด หากอยู่ในอุณภูมิภายนอกที่ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง เชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์จะเจริญเติบโตได้ดี และยิ่งสัมผัสกับน้ำลายของน้องหมาด้วย ทำให้เนื้อเกิดการเน่าเสียได้เร็วขึ้น ดังนั้นจึงห้ามเก็บบาร์ฟที่เหลือจากการกินของน้องหมานำกลับมาใช้ใหม่ แต่ให้ทิ้งไปเลย และพยายามกะปริมาณอาหารให้พอดีกับการกินของน้องหมาในมื้อต่อไป
จะเห็นว่าข้อควรระวังในการให้อาหารบาร์ฟักับน้องหมานั้นไม่ยาก แต่บางครั้งด้วยความเคยชินของเจ้าของในการให้อาหารเม็ด ทำให้หลงลืมเรื่องที่ควรระวังไปบ้าง ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องหมาอย่าลืมข้อควรระวังเหล่านี้ แล้วน้องหมาจะกินอาหารบาร์ฟอย่างมีความสุขและสุขภาพดี
อ่านสาระสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ;