สำหรับใครที่เป็นทาสน้องหมาเราเชื่อว่าคุณจะต้องเคยเจอกับปัญหาโรคผิวหนังอักเสบในสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน ซึ่งหลายคนอาจจะแปลกใจว่าทั้งที่ดูแลเป็นอย่างดีแต่ก็ยังเจอกับปัญหานี้ ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนเลยว่าโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัข นั้นจริง ๆ แล้วมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดเลยก็คืออาการคันและขนร่วง วันนี้เราเลยได้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรค อาการและวิธีรักษามาฝาก ดังนั้นเราไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันเลยดีกว่า
สาเหตุ โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัข
โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองที่เกิดขึ้นในสุนัขนั้นเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เราสามารถพบได้บ่อย เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจำพวก Staphylococcus โดยแบคทีเรียจำพวกนี้อาจมีพยาธิสภาพเนื้อเยื่อและลักษณะทางคลินิกที่แตกต่างกัน เพราะในบางครั้งเราก็จะพบการติดเชื้อเฉพาะบริเวณผิวชั้นนอก หรือในบางครั้งก็พบที่ผิวชั้นในซึ่งลึกลงไป หรืออาจพบ Pseudo pyoderma ที่เรียกว่าผิวหนังอักเสบเป็นหนองเทียม ซึ่งไม่ใช่อาการของ Pyoderma ที่แท้จริงแต่อย่างใด แต่จะเป็นเพียงอาการแทรกซ้อนเท่านั้น และอาการดังกล่าวก็ไม่สามารถรักษาด้วยยาต้านการติดเชื้อได้อีกด้วย
กลุ่มของโรคที่พบ อาการและวิธีรักษา
กลุ่มของโรคที่พบ อาการและวิธีการรักษาโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัขเราจะจำแนกออกเป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้
Surface Pyoderma หรือ Superficial Pyoderma
สำหรับกลุ่มของโรคนี้จะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียเฉพาะชั้นผิวส่วนนอกเท่านั้น โดยการติดเชื้อในกลุ่มนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มโรคที่พบได้บ่อยมากทางคลินิก ได้แก่ Acutemoist dermatitis โดยมีสาเหตุมาจากการเกิดอาการะคายเคืองและมีอาการคันตามผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่มีปรสิต หรือบริเวณที่มีเห็บ หมัดกัดบ่อย ๆ จนส่งผลทำให้สุนัขคันและเกาบริเวณผิวหนังอย่างรุนแรง จนขนบริเวณนั้นขาดหลุดร่วง และชั้นผิวหนังเกิดการถลอกมีแผล จนกระทั่งเกิดเป็นหนองอักเสบ และอาจจะมีการติดเชื้อ Staphylococcus จนทำให้ผิวหนังเป็นแผลในวงกว้าง ส่วนการรักษานั้นจะรักษาโดยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดก่อนเลย จากนั้นก็ทายาสมานแผลจนหายในที่สุด
Deeppyoderma
กลุ่มของโรคประเภทนี้จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในส่วนลึกของผิวหนัง โดยจะติดเชื้อตั้งแต่บริเวณรูขุมขนไปจนถึงหนังแท้ และไปจนถึงใต้ผิวหนัง สำหรับการติดเชื้อในกลุ่มของโรคประเภทนี้ค่อนข้างที่จะมีอาการรุนแรง และที่สำคัญคือจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากโรคกลุ่มนี้จะมีสาเหตุการเกิดโรคหลายอย่าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบจากปรสิตที่มาก่อให้เกิดโรคเรื้อนทั้งตัว จนทำให้เกิดเป็นแผลเห่อแดง บวมน้ำ และมักจะพบแผลกลายหรือแผลรูเล็กร่วมด้วย ส่วนการรักษาก็จะใช้วิธีรักษาเดียวกันกับ serface pyodermar หากแผลที่เกิดขึ้นมีรูเล็กมากก็อาจจะใช้การผ่าตัดเข้าช่วยเพื่อขูดเลาะเนื้อที่ตายออกก่อน และจะใช้วิธีการรักษาที่ค่อนข้างมีความระมัดระวังอย่างมาก ร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะและการรักษาโรคเฉพาะ แต่อย่างไรก็ตามในการรักษาสุนัขโรคผิวหนังกลุ่มนี้จะต้องให้สัตวแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเกิดการลุกลามของโรค
ป้องกันอย่างไร ไม่ให้สุนัขเป็นโรคผิวหนังอักเสบ
หลายคนคงไม่อยากให้สุนัของตนเองเป็นโรคผิวหนังอักเสบอย่างแน่นอน เนื่องจากเมื่อเป็นแล้วจะทำให้น้องหมาเกิดอาการทรมานจากอาการคันที่เกิดขึ้น และแน่นอนเมื่อสุนัขมีบาดแผลที่เกิดจากอาการคันก็จะยิ่งทำให้เกิดความเจ็บปวดและรักษายากกว่าเดิม ซึ่งก็มีวิธีป้องกันไม่ให้สุนัขเป็นโรคผิวหนังอักเสบดังนี้
หมั่นอาบน้ำให้น้องหมาเป็นประจำ
สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างจะมีขนที่ยาวจึงทำให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เพราะฉะนั้นแล้วเราจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบได้ ด้วยการหมั่นอาบน้ำทำความสะอาดให้น้องหมาบ่อย ๆ อาจจะสัปดาห์ละ 1-3 ครั้งหรือแล้วแต่ความเหมาะสม ซึ่งในการทำความสะอาดน้องหมานั้นอาจจะเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยก็ได้
หากพบว่าน้องหมามีอาการเกี่ยวกับทางผิวหนังควรพบแพทย์ทันที
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสังเกตเห็นน้องหมามีอาการคันบ่อย ๆ ไม่ควรชะล่าใจ แต่ให้คุณรีบพาน้องหมาของคุณไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายทันที หากพบว่าเป็นโรคผิวหนังอักเสบจะได้สามารถรักษาได้อย่างถูกต้อง และไม่เกิดอาการลุกลามเพิ่มมากขึ้น
โรคผิวหนังอื่นๆ ที่ต้องระวัง
นอกจากโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัขที่คุณจะต้องระวังไม่ให้เกิดกับสุนัขของคุณแล้ว ก็ยังมีโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่อาจจะพบได้บ่อย ได้แก่
1. โรคผิวหนังที่เกิดจากไร
สำหรับไรนั้นถือเป็นปรสิตที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับเป็นตัวร้ายที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้ ซึ่งโรคผิวหนังที่เกิดจากไรก็จะมีการแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ขี้เรื้อนแห้ง และขี้เรื้อนเปียก
- ขี้เรื้อนแห้ง จะพบได้บ่อยในสุนัข โดยตัวไรจะอาศัยอยู่ตามผิวหนังชั้นนอกหรือที่บริเวณหนังกำพร้าของสุนัข ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากมีขนาดที่เล็กมาก ๆ สุนัขที่เกิดโรคนี้มักจะมีอาการคันที่บริเวณขอบใบหูทั้งสองข้าง ข้อศอกด้านข้าง และมักจะมีตุ่มแดง ๆ ที่ผิวหนัง หรืออาจะเกิดขึ้นได้กับบริเวณอื่น ๆ เมื่อเริ่มคันก็จะเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น จนขนร่วงหมด และยังเป็นโรคที่สามารถติดต่อไปยังสุนัขตัวอื่น ๆ ได้ อีกด้วย
- ขี้เรื้อนเปียก เป็นโรคเรื้อนที่เกิดจากพันธุกรรมจะไม่สามารถติดต่อไปยังสัตว์ตัวอื่นได้ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่อรักษาหายแล้วก็จะกลับมาเป็นใหม่ ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของร่างกายสุนัขด้วย
2. โรคผิวหนังจากเห็บ หมัด กัด
น้ำลายที่เกิดจากการกัดของเห็บ หมัด มีโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังของสุนัขมีปฏิกิริยาตอบโต้ จึงเกิดอาการคัน เป็นผื่นแดง และนำไปสู่อาการขนร่วงได้ โดยเฉพาะบริการที่คันหรือบริเวณที่สุนัขเกาบ่อย ๆ ซึ่งก็เป็นโรคผิวหนังอีกหนึ่งประเภทที่คุณจะต้องดูแลและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเกิดโรคผิวหนังที่ไม่ควรจะเป็น
3. โรคผิวหนังจากการแพ้อาหาร
สำหรับโรคผิวหนังจากการแพ้อาหารนั้นโดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่น้องหมาทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ เช่น อาหารที่มีสารปรุงแต่งมากจนเกินไป ทำให้เกิดอาการแพ้จนส่งผลต่อระบบภูมคุ้มกัน และมีอาการคัน ซึ่งเป็นอาการคันที่ไม่เกี่ยวกับเห็บ หมัดแต่อย่างไร แต่สุนัขจะรู้สึกคันทั้งตัว เมื่อเกามาก ๆ จะมีแผลถลอกและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ โดยจะต้องพาไปรักษาพร้อมกับเปลี่ยนอาหารใหม่
4. โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
สุนัขที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีภาวะความเครียดมักจะเกิดโรคผิวหนังประเภทนี้ โดยลักษณะของโรคคือจะเป็นเกร็ดวงกลมและจะมีการขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นโรคผิวหนังที่สามารถติดจากสัตว์สู่คนได้ โดยจะพบมากในสุนัขที่มีอายุน้อย รวมถึงสุนัขที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และสุนัขที่ป่วยก็มักจะเกิดโรคผิวหนังประเภทนี้เช่นกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากขนที่ร่วงเป็นวงกลมและมีอาการคันอยู่ตลอดเวลา
นอกจากโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัขแล้ว สุนัขยังสามารถเกิดโรคผิวหนังอื่น ๆ ได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง รวมถึงลักษณะการเลี้ยงของตัวคุณเองด้วย เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเลี้ยงสุนัขสักตัวให้ปลอดภัยจากโรคผิวหนัง คุณควรศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้ให้ดี รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเพื่อที่สุนัขของคุณจะได้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรง พร้อมกับสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุข ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ และดูแลให้ดี หากมีอาการป่วยผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และรับการรักษาอย่างถูกวิธีทันที
อ่านเรื่องราวสาระสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เพิ่มเติม