อะกิตะอินุ (Akita inu) ได้รับการยกย่องให้เป็นสุนัขที่มีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าอย่างมาก
หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์มาบ้าง ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าสุนัขพันธุ์นี้จากหนังญี่ปุ่นที่สร้างจากเรื่องจริงอย่าง Hachiko
ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของสุนัขอะกิตะอินุ ที่ชื่อ ฮาจิโกะ ที่ออกมารอเจ้าของกลับจากทำงานทุกวัน
จนกระทั่งวันดีคืนดีเจ้าของไม่ได้กลับมาเพราะหัวใจวาย แต่เจ้าฮาจิโกะ ก็ยังรอเจ้าของอยู่ที่เดิมไม่ยอมจากไปไหน
นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เจ้าฮาจิโกะได้รับการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเชิดชูความซื่อสัตย์ไว้ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
จากความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้าของอย่างมาก สุนัขพันธุ์อะกิตะอินุ จึงได้รับการขนานนามจากคนทั่วโลกว่าเป็น The Loyal Friend From The Land of The Rising Sun หรือแปลเป็นไทยก็คือ เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย
ซึ่งหมายความถึงญี่ปุ่นนั่นเอง และนั่นทำให้อะกิตะอินุ กลายเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมในการนำมาเลี้ยงภายในบ้านอย่างแพร่หลาย
ไม่เพียงแต่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงผู้เลี้ยงทั่วโลก เพื่อไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา และเป็นสุนัขเฝ้าบ้านผู้ซื่อสัตย์
ลักษณะทั่วไปของอะกิตะอินุ
อะกิตะอินุ เป็นสุนัขที่มีรูปร่างขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่มากเกินไป เมื่อโตเต็มวัยจะมีหน้าตาน่ารัก และมีร่างกายที่กำยา สมส่วน
เพศผู้เมื่อยืนแล้วจะมีความสูงราวๆ 26-28 นิ้ว ส่วนเพศเมียมีขนาด 24-26 นิ้ว น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 36-50 กิโลกรัม
ความโดดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีศีรษะขนาดใหญ่และปากสั้น โดยมีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยม
หากมองจากด้านบนจะพบว่ามีหูตั้ง ตาเล็ก ส่วนลักษณะขนนั้น มาพร้อมความยาวปานกลาง ไม่ยาวมาก และมีขนที่หนานุ่ม ทำให้สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี
สีของสุนัขพันธุ์อะกิตะอินุที่พบเห็นได้ทั่วไปก็คือ สีน้ำตาล สีขาว ซึ่งภายในขนชั้นในของสุนัขบางตัวจะมีสีที่แตกต่างจากขนชั้นนอกด้วย แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นสีที่เข้มกว่าหรืออ่อนกว่า
อายุขัยเฉลี่ยของอะกิตะอินุอยู่ที่ราวๆ 10- 20 ปี ถือว่าไม่แตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่น แต่ด้วยความที่เป็นสุนัขที่มีร่างกายแข็งแรง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศต่างๆ ได้ดี
ทำให้อะกิตะอินุ จัดเป็นสุนัขที่ไม่เจ็บป่วยง่ายและมีอายุยืนนั่นเอง
นิสัยของ อะกิตะอินุ
อะกิตะอินุ รักความสันโดษแตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่น ๆ เรียกว่าเป็นสุนัขที่มีความเป็นตัวเองสูงมากก็ไม่ผิดนัก
เพราะส่วนใหญ่จะถูกฝึกหรือเลี้ยงดูมาเพียงลำพัง ไม่ได้เกาะเป็นกลุ่มมาโดยกำเนิด ทำให้สามารถอยู่แบบสันโดษได้
นอกจากนี้อะกิตะอินุ ยังมาพร้อมความฉลาดแสนรู้ที่สามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถเลี้ยงเป็นสุนัขเฝ้าบ้านหรือเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆ ได้ดี
โดยนิสัยพื้นฐานของอะกิตะอินุนั้นจะเห่าหอนเวลาที่มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติหรือพบเห็นคนแปลกหน้ามาที่บ้านของเจ้าของ
สุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะเป็นสุนัขที่เหมาะสำหรับการฝึกเพื่อใช้งานด้านการเฝ้าระวังต่างๆ แล้ว ก็ยังมีพื้นฐานนิสัยที่ร่าเริง ขี้เล่น
แต่ในความร่าเริงนั้นก็แฝงไปด้วยความอดทนสูง มีความห้าวหาญ กล้าตัดสินใจในเหตุการณ์ต่างๆ และนั่นจึงเป็นที่มาของคำนิยามของการเป็นสุนัขที่มีความซื่อสัตย์มากต่อเจ้าของนั่นเอง
เพราะเมื่อมันเกิดความรักและภักดีต่อเจ้าของแล้ว มันก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้เลี้ยงจากภัยร้ายต่างๆ ด้วยความเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น และไม่เกรงกลัวต่ออันตราย
การดูแลสุขภาพอะกิตะอินุ
หลักในการดูแลสุขภาพของสุนัขสายพันธุ์อะกิตะอินุ มีสิ่งที่ผู้เลี้ยงควรรู้และนำไปปฏิบัติดังนี้
1.ดูแลความสะอาดตามความเหมาะสม
เนื่องด้วยสุนัขพันธุ์อะกิตะอินุนั้น จะผลัดขนปีละ 2 ครั้ง ผู้เลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้น้องหมาบ่อยๆ และไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดมากนัก
หรือถ้าต้องการดูแลทำความสะอาดจริงๆ ก็แค่หมั่นแปรงขนให้น้องหมาบ่อยๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามร่างกายหลุดออกไป
ทำให้น้องหมาห่างไกลจากเชื้อโรคต่างๆ ที่สะสมอยู่บริเวณชั้นผิวหนังได้มากขึ้นแล้ว
2.หมั่นพาไปออกกำลังกาย
ด้วยพละกำลังที่เต็มเปี่ยม ทำให้อะกิตะอุนิ จัดเป็นสุนัขที่รักการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก
โดยในหนึ่งวัน จะสังเกตได้ว่า สุนัขพันธุ์นี้จะไม่อยู่เฉย และหากิจกรรมต่างๆ ทำอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นผู้เลี้ยงควรหมั่นพาน้องหมาไปนอกบ้านเพื่อออกกำลังกายหรือวิ่งเล่นในสวนสาธารณะเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ และเพื่อให้น้องหมาได้ปลดปล่อยพลังงานที่มีอย่างเหมาะสม
3.หลีกเลี่ยงการเลี้ยงในที่ที่มีอากาศร้อนจัด
น้องหมาอะกิตะอินุ อาจจะเกิดหงุดหงิด หรืออารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาได้ หากผู้เลี้ยงเลี้ยงเอาไว้ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด
เพราะน้องหมาสายพันธุ์นี้รักในอากาศหนาวเย็น และมีชั้นขนที่ค่อนข้างหนาพอสมควร
หากอากาศร้อนไปก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกายและใจของน้องหมาได้
4.ใส่ใจเรื่องอาหารเป็นพิเศษ
นอกเหนือจากการพาไปออกกำลังกายเป็นประจำและการเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้กับน้องหมาแล้ว
ผู้เลี้ยงก็ควรใส่ใจเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายน้องหมาและปริมาณพลังงานที่เพียงพอด้วย
เพื่อที่น้องหมาจะได้มีสุขภาพแข็งแรง พร้อมในการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวันอย่างเต็มที่
หากเลี้ยงดูด้วยอาหารที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้ร่างกายมีพัฒนาการที่แย่ลง เช่น เป็นสุนัขที่อ้วน มีน้ำหนักเยอะ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่เกี่ยวกับข้อต่อตามส่วนต่างๆ ได้
อาหารการกินของอะกิตะอินุ
อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขพันธุ์อะกิตะอินุ แบ่งได้ตามช่วงวัย ดังนี้
1.ช่วงเป็นลูกสุนัข
ควรให้อาหารที่มีสารโปรตีนเป็นหลัก เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย และเป็นส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่จะส่งผลในช่วงเจริญเติบโตเต็มวัยได้อย่างเหมาะสม
โดยอาหารที่ให้ควรเป็นเนื้อสัตว์ที่แปรรูปเป็นเม็ด เพื่อให้ง่ายต่อการกินและการย่อย
2.ช่วงโตเต็มวัย
หลังจากเลี้ยงดูจนถึงอายุช่วง 2-3 ปี สุนัขก็จะเข้าสู่ช่วงเติบโตเต็มวัย และมีขนาดที่ใหญ่เต็มที่
ในช่วงนี้ควรรักษารูปร่างให้กับน้องหมาด้วยการให้โปรตีนในปริมาณที่พอเพียง และควบคุมอาหารที่มีไขมันไม่ให้สูงจนเกินไป
เพราะอาจจะทำให้รูปร่างใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งภายนอกและภายในได้
3.ช่วงแก่ชรา
ในช่วงที่อายุมากแล้ว สุนัขพันธุ์อะกิตะอินุ ควรได้รับการดูแลเรื่องอาหารมากเป็นพิเศษ โดยผู้เลี้ยงควรควบคุมน้ำหนักไม่ให้มีไขมันส่วนเกิน หรือรูปร่างที่ใหญ่โตมากเกินไป
เพราะระบบเผาผลาญและการใช้พลังงานต่างๆ ของร่างกายต่างๆ ในช่วงนี้จะเสื่อมถอยและลดลง
สารอาหารที่จำเป็นมากที่สุด คือ โปรตีน และวิตามินที่ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อต่างๆ โดยควรให้ในปริมาณที่พอเพียง
อ่านเพิ่มเติม;
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมของสุนัขพันธุ์อะกิตะอินุ
ผู้เลี้ยงควรมีเวลาว่างเพียงพอสำหรับการพาน้องหมาไปออกกำลังกาย เพื่อปลดปล่อยพลังงานในแต่ละวัน
ไม่ควรเลี้ยงเอาไว้แต่ในบ้าน เพื่อกักอยู่แต่กับสภาพแวดล้อมเดิมๆ เพราะอาจทำให้น้องหมาเกิดความเครียดได้
นอกจากนี้ควรมีพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับการเลี้ยงดูโดยเฉพาะ หากเลี้ยงในบ้านก็ควรกั้นที่เอาไว้สำหรับเลี้ยงดูเพื่อฝึกวินัยในการหลับนอนและขับถ่าย
อ่านเพิ่มเติม;
- ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian) น้องหมาน่ารัก ขนฟูฟ่องที่มองทีไรก็รู้สึกแฮปปี้ทุกที
- คอร์กี้ (Corgi) สุนัขพันธุ์แคระแสนรู้ที่น่ารักและหน้าตาเป็นมิตร
- ซามอยด์ (Samoyed) ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก
ข้อควรระวังในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์อะกิตะอินุ
สิ่งที่ควรระวังคือ เรื่องของอากาศ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นก็คือ สุนัขพันธุ์นี้ชอบอากาศหนาวเย็นและทนต่ออากาศร้อนจัดไม่ได้ดีนัก
ทำให้เมื่ออยู่ท่ามกลางสภาพแดดจัด หรือร้อนจัดมากๆ น้องหมาอาจจะอ่อนเพลียหรือป่วยได้
และควรหมั่นพาไปตรวจร่างกายทุก 6 เดือนเพื่อเช็คความปกติของสภาพร่างกาย เพราะน้องหมาอาจจะเป็นโรคบางอย่างที่ไม่แสดงอาการออกมาได้
หากคุณกำลังมองหาสุนัขเป็นเพื่อนคู่ใจสักตัว ที่ให้ทั้งความน่ารักและความซื่อสัตย์ และยังสามารถฝึกวินัยได้เป็นอย่างดี
สุนัขพันธุ์นี้ถือเป็นสุนัขที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน แล้วคุณจะพบกับความน่ารักของอะกิตะอินุที่แตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ ที่คุณเคยเลี้ยงมาอย่างแน่นอน