เชื่อว่าหนึ่งในประสบการณ์สุดแสนวิเศษที่คนรักแมวทุกคนรอคอย ก็คือการพบว่าลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของคุณกำลังตั้งท้อง! ยิ่งหากเป็น แมวท้อง ที่เป็นการท้องครั้งแรกแล้ว ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นในการเตรียมพร้อมรับสมาชิกใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะไม่แน่ใจว่าแมวสาวของคุณกำลังท้องจริงหรือไม่ หรือน้องแค่กินจุจนอ้วนป่อง วันนี้เราจึงจะชวนคุณมาเช็คสัญญาณบอกเหตุว่าแมวของคุณกำลังท้อง เพื่อจะได้เตรียมตัวต้อนรับครอบครัวใหม่ของน้องแมวเหมียวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
7 สัญญาณบอกเหตุว่า แมวท้อง
1.กินมากขึ้น
เมื่อน้องแมวของเราไม่ได้มีเพียงแค่ตัวคนเดียวอีกต่อไป แต่มีอีกหลายชนิดที่กำลังเติบโตข้างในกายของเขาก็ย่อมต้องกินมากขึ้นเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น หากพบว่าน้องแมวตัวเมียกินมากกว่าปกติก็อาจสันนิษฐานไว้ก่อนได้ว่านี่คือสัญญาณของ แมวท้อง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารมากเกินไป เพราะกลัวน้องกินไม่พอ เพราะหากแมวที่ตั้งท้องมีน้ำหนักตัวมากเกินไป อาจจะส่งผลต่อสุขภาพในยามทีต้องคลอดลูกได้ กล่าวคือน้ำหนักตัวที่มากขึ้นอาจทำให้การคลอดตามธรรมชาติเป็นไปอย่างยากลำบาก แถมยังเคลื่อนที่ไม่สะดวกอีกด้วย
2.นอนมากกว่าปกติ
แม้ว่าโดยธรรมชาติ แมวจะเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นมากนัก และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับพักผ่อนหรือบางทีก็มาออดอ้อนเจ้าของบ้างเป็นครั้งคราวตามอารมณ์ แต่หากพบว่าน้องแมวมีอาการง่วงซึมและใช้เวลาในการนอนมากกว่าปกติ และเมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่าร่างกายทำงานปกติ ไม่ได้มีไข้หวัดแต่อย่างใด ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าน้องแมวกำลังเข้าสู่ช่วงการตั้งท้อง เนื่องจากเป็นเวลาที่ฮอร์โมนภายในร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเข้าสู่ภาวะการตั้งครรภ์ น้องแมวจึงดูเซื่องซึม ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ เป็นเรื่องปกติของแมวท้อง
3.ไม่ยอมให้จับ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของน้องแมวในช่วงเริ่มแรกของการตั้งท้องอาจทำให้เขามีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะเมื่อยังสับสนกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จึงทำให้เกิดความหวาดระแวงและพยายามป้องกันตนเองมากกว่าปกติ นอกจากนั้น ยังเป็นไปตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ของ แมวท้อง ที่ต้องปกป้องลูกน้อยจากภยันตรายต่าง ๆ ฉะนั้น หากคุณสัมผัสได้ว่าเจ้าเหมียวของคุณมีลักษณะหวงตัวมากผิดปกติ หรือไม่ยอมให้จับหรือเข้าใกล้มากอย่างผิดสังเกตก็มีความเป็นไปได้ว่าเขากำลังจะมีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว
อ่านสาระน้องแมวอื่น ๆ;
คนรักแมวต้องรู้ โรค fip ภัยร้ายลูกรักของคุณ
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก ทำยังไงดีเมื่อน้อง แมวมีกลิ่นปาก ผิดปกติ
การเลี้ยงแมวเปอร์เซีย ควรเตรียมตัวอย่างไรใน
13 สายพันธุ์น้องแมวที่ทำตัวหยั่งกับน้องหมา!
4.หลังโก่งโค้ง
เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้นจากหลายชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นภายในร่างเจ้าแมวเหมียวของคุณ ทำให้การใช้ชีวิตของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหากพบว่าเวลาแมวเดินแล้วบริเวณแผ่นหลังมีลักษณะโก่งมากกว่าปกติ รวมทั้งบริเวณท้องมีลักษณะใหญ่และกลมเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างอยู่ภายในก็มีความเป็นไปได้ว่าแมวของคุณกำลังเข้าสู่ช่วงตั้งท้องมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้เขาเคลื่อนได้ช้าลง อุ้ยอ้ายมากยิ่งขึ้น เวลาที่แมวท้อง จึงไม่ค่อยอยากทำอะไรมากไปกว่าการนอนพักผ่อนอยู่เฉย ๆ
5.หัวนมใหญ่ขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเข้าสู่ภาวะตั้งครรภ์ สรีระและอวัยวะบางส่วนของน้องแมวย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับครอบครัวเล็ก ๆ ที่จะออกมาลืมตาดูโลกในอีกไม่นาน โดยเฉพาะอวัยวะที่เป็นส่วนสำคัญในการให้อาหารอย่างหัวนมที่จะมีการขยายใหญ่ยิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเลี้ยงดูลูก ๆ ของเจ้าแมวน้อย ฉะนั้น การขยายใหญ่ขึ้นของหัวนมจึงเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่า แมวท้อง ได้ดีและมีความชัดเจนมากที่สุด เพราะปกติแล้ว หัวนมแมวจะไม่เปลี่ยนแปลงหากฮอร์โมนไม่เปลี่ยนแปลง
6.สร้างรังสำหรับลูกน้อย
ตามสัญชาตญาณของสัตว์ทุกชนิด หากพบว่าตนเองกำลังตั้งท้องลูกน้อยก็จะเริ่มหาบ้านที่เหมาะสมสำหรับการคลอดลูก เพราะฉะนั้น หากคุณพบว่าเจ้าเหมียวเริ่มคาบกระดาษหนังสือพิมพ์หรือเศษผ้ามากองลงในกล่องกระดาษหรือตะกร้าเพื่อทำเป็นที่นอนหรือรังที่มีความอบอุ่นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าน้องแมวกำลังเตรียมพื้นที่สำหรับเป็นที่พักอาศัยของลูกน้อยแรกเกิดซึ่งต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสูง มีความอบอุ่น และสามารถให้นมและอาหารได้อย่างสะดวกสบายนั่นเอง ซึ่งหากคุณพบพฤติกรรมของแมวเป็นเช่นนี้คุณอาจจะช่วยหาผ้าขี้ริ้ว กล่องกระดาษ หรือตะกร้าที่มีความอบอุ่นเป็นตัวช่วยให้กับเขาได้ด้วยเช่นกัน
7.ท้องโตขึ้น
แน่นอนที่สุด หากพบว่าแมวตัวใหญ่ขึ้นกว่าปกติในเวลาอันรวดเร็ว และมีสัญญาณอย่างอื่นประกอบด้วยเช่นหัวนมมีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน มีพฤติกรรมการสร้างรัง เดินหลังโก่งโค้ง หรือหวงตัวไม่ค่อยยอมให้จับเหมือนเมื่อก่อนก็ค่อนข้างจะแน่ชัดว่า แมวท้องแน่ ๆ ซึ่งคุณอาจจะช่วยหาผ้าขี้ริ้วหรือกล่องกระดาษมาให้เขาได้สร้างรังไว้สำหรับลูกน้อง เพิ่มอาหารมากขึ้นเล็กน้อยในแต่ละมื้อ และคอยดูแลสังเกตพฤติกรรมของเขามากขึ้น เพราะแมวที่เป็นแม่มือใหม่บางครั้งก็อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าท้องหรือต้องการความช่วยเหลือบางอย่างเช่นเดียวกัน
แมวท้องและคลอดลูกอย่างไร
โดยธรรมชาติของแมวจะมีระยะเวลาตั้งแต่เริ่มตั้งท้องไปจนถึงการคลอดประมาณ 9 สัปดาห์ ซึ่งสัตวแพทย์สามารถตรวจครรภ์ของแมวด้วยวิธีการอัตราซาวด์ได้ตั้งแต่ประมาณ 16 – 25 วันหลังการผสมพันธุ์ หรือในกรณีที่ต้องการตรวจด้วยการเอกซเรย์ก็สามารถตรวจได้เมื่อแมวเริ่มตั้งครรภ์ประมาณ 40 วัน ซึ่งวิธีจะทำให้ทราบได้ว่ามีลูกแมวในท้องประมาณกี่ตัว โดยหลังจากที่แมวท้องได้ใกล้ 9 สัปดาห์แล้วนั้น หากคุณสังเกตว่าแมวเริ่มมีท่าทีกระวนกระวายหลังจากที่เซื่องซึมมาอย่างยาวนาน และจะเข้าไปเตรียมพร้อมที่รังที่ได้สร้างเอาไว้ก็มั่นใจได้เลยว่าถึงเวลาที่ลูกแมวจะได้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว กระบวนการคลอดลูกของแมวนั้นจะใช้เวลาประมาณ 12 – 24 ชั่วโมงจึงจะคลอดออกมาครบทุกตัว โดยระยะเวลาในการเบ่งคลอดนั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามภาวะร่างกายของแมว โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 นาที/ตัว เริ่มที่การเบ่งส่วนหัวหรือท้ายของลูกแมวออกจากช่องคลอด ซึ่งมักจะเว้นช่วงห่างแต่ละตัวประมาณ 10 – 15 นาที ทั้งนี้ หลังจากที่คลอดลูกเสร็จสิ้นแล้ว แม่แมวจะอ่อนแรงลง ซึ่งในจังหวะนี้ให้คุณเตรียมอาหารและน้ำไว้ให้พร้อม เพราะว่าหลังจากนั้นอีกไม่นาน ลูกแมวก็จะเริ่มดื่มนมแม่แล้ว หากแม่แมวกินอาหารไม่เพียงพอก็จะไม่สามารถผลิตน้ำนมได้เพียงพอสำหรับลูก ๆ นั่นเอง
วิธีการดูแลลูกแมวหลังคลอด
สำหรับการเลี้ยงลูกแมวหลังการคลอดนั้นในช่วงแรกประมาณ 3 – 6 สัปดาห์หลังคลอด คุณอาจจะให้ลูกแมวกินอาหารเม็ดแช่น้ำหรืออาหารเปียกก่อน หลังจากนั้นประมาณ 3 – 4 สัปดาห์จึงเริ่มหัดให้ลูกแมวเริ่มกินนมด้วยตนเอง โดยใส่นมไว้ในถ้วยร่วมกับอาหารเม็ดประมาณวันละ 5 – 6 ครั้ง แล้วค่อยลดจำนวนไปเรื่อย ๆ กระทั่งเหลือวันละ 2 -3 มื้อเมื่อแมวโตขึ้น สำหรับการฝึกหัดลูกแมวเรื่องการขับถ่ายนั้นให้จับลูกแมวนอนบนกระบะทรายหลังจากที่ดื่มนมเสร็จเรียบร้อย แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ ลูบบริเวณก้นและอวัยวะเพศของแมวเพื่อกระตุ้นให้แมวขับถ่ายออกมา ทำเช่นนี้ตั้งแต่ลูกแมวมีอายุได้ประมาณ 4 สัปดาห์จนกระทั่งแมวเริ่มใช้กระบะทรายเป็นจึงหยุด นอกจากนั้น เจ้าของต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการนำลูกแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับการถ่ายพยาธิและวัคซีนที่จำเป็นสำหรับระบบภูมิคุ้มกัน อาทิ วัคซีนป้องกันไข้หัด พิษสุนัขบ้า และหวัดแมว เป็นต้น
หากคุณสงสัยว่าเจ้าเหมียวของคุณกำลังจะตั้งท้อง ลองใช้ 7 สัญญาณที่บทความนี้ได้แนะนำไปตรวจสอบพฤติกรรมของแมวดูก็จะทำให้ทราบว่าแมวท้องจริงหรือไม่ และหากพบว่าแมวกำลังจะมีครอบครัวเป็นของตนเอง หน้าที่ของคุณคือการเตรียมรังที่มีความอบอุ่น รวมทั้งคอยสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และเมื่อแมวคลอดออกมาแล้ว คุณอาจจะช่วยแม่แมวในการดูแลลูกแมวที่ต้องการสารอาหาร ที่พักที่มีความอบอุ่น และวัคซีนต่าง ๆ เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้เติบโตได้อย่างปลอดภัยแข็งแรงนั่นเอง
อ่านสาระสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม;
รักษาอย่างไรดีเมื่อน้อง กระต่ายขนร่วง เรามีคำแนะนำมาฝาก
มาทำความรู้จักกับเจ้า อลาสกัน คลี ไค หรือ ฮัสกี้ไซต์มินิ กันดีกว่า!
โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เจ้าหมาแสนรู้ที่มองกี่ครั้งก็หลงรักเสมอ
เพมโบรก เวลช์ คอร์กี้ (Pembroke Welsh corgi) มีความเป็นมาอย่างไร มาดูกัน!